ปตท.สผ.ลั่นปีนี้ชัดเจนลงทุนแหล่งอุบล ขอชัดเจนเชฟรอนจะอยู่หรือขายหุ้นทิ้ง35%
ปตท.สผ.ขอความชัดเจน”เชฟรอนฯ”ในการตัดสินใจFIDแหล่งอุบล ยันพร้อมซื้อหุ้น35%ที่เชฟรอนถือหากเมินการลงทุนต่อ การันตีปีนี้มีความชัดเจนการลงทุนแหล่งอุบล
แหล่งข่าวบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมเจรจากับบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัดในฐานะผู้ดำเนินการ(Operator)โครงการคอนแทร็ค 4 เพื่อขอนโยบายที่ชัดเจนการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) แหล่งอุบลเพื่อพัฒนาผลิตปิโตรเลียมเชิงพาณิชย์ หากทางเชฟรอนฯพิจารณาแล้วไม่คุ้มที่จะลงทุน ทางปตท.สผ.ก็พร้อมที่จะซื้อหุ้นในแหล่งกล่าวจากเชฟรอนฯเพื่อให้โครงการเดินหน้าต่อไป
“การตัดสินใจFIDแหล่งอุบลที่อยู่ในโครงการคอนแทร็ค4นั้น ต้องเจรจาเชฟรอนก่อน เพราะเชฟรอนเป็นOperatorในโครงการคอนแทร็ค4 หากเขาจะต้องลงทุนเพิ่มแค่แหล่งอุบล ก็อาจไม่คุ้ม เพราะในการพัฒนาแหล่งอุบลต้องลงทุนสาธารณูปโภคเพื่อใช้เองแม้ว่าจะเป็นแหล่งที่ไม่ไกลจากแหล่งเอราวัณก็ตามหากเขาอาจจะต้องขายออก ทางปตท.สผ.ก็พร้อมที่จะเจรจาซื้อ”
อย่างไรก็ตาม ปตท.สผ.คาดว่าภายในปีนี้จะมีความชัดเจนในแหล่งอุบลว่าจะดำเนินการอย่างไร รวมทั้งเชฟรอนฯจะยังถือหุ้นในแหล่งดังกล่าวหรือไม่ ปัจจุบันแหล่งอุบลหรือแปลงจี 7/50 มีบริษัท ปตท.สผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (ปตท.สผ.อ.)ถือหุ้น 45% บริษัท เชฟรอน ปัตตานี จำกัด (ผู้ดำเนินการ) 35% และบริษัท ปตท.สผ.จี7 จำกัด (ปตท.สผ.จี7) 15%
ทั้งนี้ แหล่งอุบลอยู่ระหว่างเตรียมพัฒนาโครงการ คาดว่าจะสามารถผลิตปิโตรเลียมเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี2565-66 ด้วยกำลังผลิตน้ำมันดิบ2.5หมื่นบาร์เรล/วันและก๊าซธรรมชาติที่50ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน(คิดเป็น8,300บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน)
อย่างไรก็ตามในกลางปีนี้ บริษัทฯจะมี2โครงการร่วมทุนที่จะประกาศตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายได้ คือโครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน และโครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ
เมื่อเร็วๆนี้ บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเม้นท์ จากัด(PTTEP ED) บริษัทย่อยของ ปตท.สผ. ร่วมกับบริษัท เอ็มพี จี2 (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทย่อยของบริษัท มูบาดาลา ปิโตรเลียม (ประเทศไทย) ได้ลงนามในสัญญาแบ่งปันผลผลิต (Production Sharing Contracts) ในแปลงG1/61(แหลง่เอราวัณ)โดยมีสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 60และร้อยละ40ตามลำด้บสำหรับในแปลง G2/61 (แหล่งบงกช) PTTEP ED ได้ลงนามในสัญญาแบ่งปันผลผลิต โดยมีสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 100 ทั้งนี้PTTEP EDเป็นผู้ดำเนินการทั้งสองแปลง โดยบริษัทจะเงินลงทุนราว1ล้านล้านบาทใน10ปีนับตั้งแต่ปี2565 ตลอดอายุสัญญา เพื่อรักษาระดับการผลิตก๊าซฯรวม 1.5พันล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน
แหล่งข่าวกล่าวถึงกรณีที่บริษัทแม่ คือบมจ.ปตท.ยังไม่ตัดสินใจเซ็นสัญญาซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG)จากโครงการโมซัมบิกโรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วันว่า การเดินหน้าFIDโครงการโมซัมบิกไม่ได้เกี่ยวข้องว่าปตท.จะต้องลงนามสัญญาซื้อLNGก่อน เพราะปัจจุบันโครงการโมซัมบิกได้มีการทำสัญญาขายก๊าซฯได้ครบจำนวนขั้นต่ำ8-9ล้านตัน/ปีเพียงพอในการประกาศ FIDได้ เพียงแต่ปตท.สผ.ในฐานะผู้ร่วมทุนโครงการโมซัมบิก8.5% มีสิทธิ์ให้พันธมิตรหรือบริษัทแม่มาซื้อก๊าซฯได้โดยไม่ได้มีเงื่อนไขพิเศษด้านราคาขึ้นอยู่การเจรจาทางธุรกิจ
โดยก่อนหน้านี้ทางปตท.มีแผนจะซื้อก๊าซLNG โครงการโมซัมบิกราว2.6ล้านตัน/ปีเพื่อมาใช้ในประเทศ แต่จากแผนPDP2018 ฉบับใหม่พบว่าปริมาณการใช้ก๊าซฯไม่ได้เพิ่มมากเหมือนที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ปตท.ยังคงชะลอการตัดสินซื้อก๊าซฯดังกล่าว
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมุลจาก