ต่างชาติเทหุ้นไทย 4 ปี ทะลุ 5 แสนล้านบาท แค่ปรับพอร์ต หรือตลาดหุ้นหมดเสน่ห์?
เงินทุนต่างชาติ ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่นักลงทุน เฝ้ามองตลอดเวลาว่า จะเข้ามาในตลาดหุ้นไทยเมื่อไหร่ ซึ่งได้แต่คอยแล้วคอยเล่า ก็ไม่เห็นท่าทีว่า เงินทุนต่างชาติจะกลับเข้ามา แต่เมื่อสืบค้นข้อมูลย้อนกลับไป ก็พบสิ่งที่น่าตกใจว่า สถิติจากปี 2560 จนถึงวันนี้ นักลงทุนต่างชาติ ได้ขายสุทธิตลาดหุ้นไทยไปแล้วกว่า 5.38 แสนล้านบาท
ทั้งนี้เมื่อดูข้อมูลจากต้นปี 2563 ถึงวันที่ 13 พ.ค. พบว่า นักลงทุนต่างชาติ ได้ทยอยขายหุ้นไทยไปแล้วกว่า 1.79 แสนล้านบาท โดยการเทขายอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดคำถามว่า “จะเป็นเรื่องของการปรับพอร์ต หรือ หุ้นไทยไม่มีเสน่ห์แล้วในสายตาต่างชาติ”
อย่างไรก็ตามเมื่อมีการเทขายหุ้นที่มากมายขนาดนี้ ทำให้ WEALTHY THAI ต้องหาคำตอบ โดยในรายการ WEALTHY TALK เราได้มีโอกาสพูดคุยกับพี่อ๋อง เอกภาวิน สุนทราภิชาติ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด เพื่อหาคำตอบในประเด็นดังกล่าว ซึ่งพี่อ๋อง ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจมาก เมื่อพบว่าตลาดหุ้นไทย เทียบกับต่างชาตินั้น มีความน่าสนใจน้อยมาก ทำให้ในรอบหลายปีที่ผ่านมา เราจึงเห็นเม็ดเงินไหลออกมากกว่าเงินไหลเข้า
หุ้นไทยการเติบโตต่ำแถมราคาแพง
“ตลาดหุ้นไทยเจอกับภาวะเงินไหลออกมานานมากมาประมาณ 4 ปีแล้ว เหตุผลหลักๆ ที่เงินไหลออก เพราะว่า การเติบโตของเรา เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ ดูไม่น่าสนใจ ไม่ดึงดูดเงินให้ไหลเข้า ดังนั้นเงินจึงไหลเข้าไปในประเทศอื่นที่มีการเติบโตมากกว่า ซึ่งจะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยก็เมื่อ ตลาดหุ้นอื่นแพงแล้วเท่านั้น”
ข้อมูลที่น่าสนใจตลาดหุ้นไทยนั้น ที่ผ่านมามีการเติบโตน้อยมาก เพราะตลาดหุ้นไทย ยังมีบริษัทในรูปแบบเดิม และมีหุ้นเทคโนโลยีน้อยมาก เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐที่ NASDAQ ที่มีหุ้นเทคโนโลยีจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น FACEBOOK, Alphabet ที่มีการเติบโตที่ดีกว่า และน่าสนใจมากกว่า
เมื่อถามว่านักลงทุนอยากจะลงทุนส่วนไหนมากกว่า แน่นอนก็อยากลงทุนในตลาดหุ้น NASDAQ มากกว่าตลาดหุ้นไทยอยู่แล้ว จึงสะท้อนได้จากความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทย ที่จากต้นปียังติดลบอยู่ แต่ในทางกลับกัน NASDAQ แม้จะเผชิญภาวะ COVID-19 เช่นกัน แต่หุ้นกลับเป็นบวก
คนส่วนมาก มักจะมีคำถามว่า เมื่อไหร่ต่างชาติจะกลับมาซื้อ เรื่องนี้พี่อ๋องประเมินว่า น่าจะเกิดขึ้นยากมาก เพราะว่า ต่างชาติจะซื้อหุ้นไทยในภาวะเช่นนี้ จะเกิดขึ้นใน 2 กรณี คือ 1 ตลาดหุ้นอื่นๆ ราคาเริ่มแพงแล้ว และไม่มีอัพไซด์เหลืออยู่ เขาถึงจะหันมามองตลาดหุ้นไทย หรืออีกมุมหนึ่งคือ ตลาดหุ้นไทยต้องมีการเติบโตที่ดีมาก เมื่อเทียบกับต่างชาติ
ดังนั้นการที่จะรอให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นไทยเพื่อผลักดันดัชนี อาจเป็นเรื่องที่ยากหน่อย แต่ถ้าจะรอให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้น เราถึงจะซื้อหุ้น มองว่าเราอาจจะไม่มีโอกาสได้ซื้อหุ้นเลย ดังนั้นเราต้องแยกออกจากกันระหว่าง ต่างชาติซื้อหรือขายหุ้น ซึ่งเป็นประเด็นหนึ่ง ส่วนการลงทุนของเราก็เป็นอีกเรื่องหนึ่
สถาบัน คือผู้ซื้อตัวจริง
ในทางกลับกัน ผู้ซื้อตัวจริงคือ นักลงทุนสถาบัน โดยจากสถิติ พบว่า ในช่วง 4–5 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยกว่า 3.94 แสนล้านบาท ซึ่งช่วยขับเคลื่อนดัชนีให้ปรับตัวได้ดี โดยเงินของนักลงทุนสถาบันก็มาจากผู้ที่ลงทุนในกองทุนรวม ที่นักลงทุนเข้าซื้อ หรือเม็ดเงินจากกองทุนต่างๆ ที่เข้ามาช่วยประคองดัชนี แต่เมื่อไหร่ที่เราหยุดซื้อกองทุน เงินที่จะช่วยผลักดันดัชนีก็จะน้อยลงไปด้วย
"ส่วนมุมมองของตลาดหุ้นไทยตอนนี้ ต้องบอกเลยว่า ระดับราคาไม่ได้ถูก โดยราคาปัจจุบันเหมือนกับว่า นักลงทุนไม่ได้กังวลในเรื่อง COVID-19 และคาดหวังกับการเติบโตของดัชนีในปีหน้าไปแล้ว ซึ่งในปีหน้านั้นดัชนีที่เหมาะสมอาจจะอยู่ที่ 1,360 จุด และมีความเป็นไปได้สูงว่าในระยะสั้น ตลาดหุ้นอาจพักฐาน ดังนั้นนักลงทุนควรรอเข้าซื้อในช่วงนั้นจะดีกว่า" พี่อ๋องกล่าวทิ้งท้าย
ความเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่างชาติเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการประเมินทิศทางของการลงทุนเท่านั้น การที่จะเลือกซื้อหุ้นหรือไม่ หรือจะเข้าลงทุนอะไร มีปัจจัยที่มากกว่านั้น โดยนักลงทุนต้องศึกษาข้อมูลอื่นๆ ประกอบด้วย
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก