ถอดบทเรียนหุ้น DELTA ในวันที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ!

.

 

หากยังจำกันได้ ในช่วงกลางปี 64 ที่ผ่านมา ราคาหุ้น บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์(ประเทศไทย) หรือ DELTA ปรับตัวขึ้นแรงจนเป็นกระแสอยู่พักใหญ่ โดยราคาพุ่งจากระดับ 290 บาท ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 790 บาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 172% เรียกได้ว่า"ขึ้นโหด เหมือนโกรธใครมา"

.

จนทำให้มูลค่าบริษัท(มาร์เก็ตแคป)ของ DELTA ณ ตอนนั้น พุ่งขึ้นแตะ 9.85 แสนล้านบาท กระโดดขึ้นมาอยู่อันดับ 2 ของตลาดหุ้นไทย ทาบรัศมีแชมป์เก่าอย่าง PTT อย่างสูสีเลยทีเดียว..

.

สาเหตุที่ทำให้หุ้น DELTA พุ่งแรง จนอาจเปลี่ยนแปลงชีวิตใครหลายคน ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะจำนวนหุ้นหมุนเวียนในตลาด(ฟรีโฟลท)ของ DELTA ต่ำเกินไป สามารถผลักดันราคาได้ง่าย

.

โดยเฉพาะในจังหวะ"ลงแขก"ที่กองทุนต่างชาติไล่เก็บหุ้น พร้อมกับแรงเก็งกำไรของรายย่อย จนทำให้อาการของหุ้น DELTA วิปริตผิดธรรมชาติไปอย่างเห็นได้ชัด!

.

แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัจจัยสำคัญที่ปั่นหุ้น DELTA ขึ้นไปได้ขนาดนั้น มาจากพื้นฐานกิจการที่แข็งแกร่งและการเติบโตที่รวดเร็วด้วย สะท้อนจากกำไรที่ทะยานจากระดับ 2.9 พันลบ. ในปี 62 เพิ่มขึ้นเป็น 7.1 พันล้านบาท ในปี 63

.

จนทำให้นักลงทุนคิดไปว่ากำไรของ DELTA จะเติบโตก้าวกระโดดต่อเนื่องในปี 64 เพราะขณะนั้นมีหลายปัจจัยที่เป็นบวกต่อธุรกิจของ DELTA เช่น เงินบาทแข็งค่า,การขยายตัวของธุรกิจ Data Center และ การเข้าสู่จุดเริ่มต้นของรถยนต์ไฟฟ้า(EV Car)

.

เรื่องราวเกือบเป็นไปตามที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ เพราะล่าสุด DELTA ประกาศงบปี 64 ออกมาแล้ว พบว่ามีรายได้ 8.4 หมื่นล้านบาท โตกว่า 33% ซึ่งรายได้ดังกล่าวมาจาก

.

1.กลุ่มธุรกิจเพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตและจำหน่าย เพาเวอร์ซัพพายสำหรับคอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ จำนวน 6.1 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 38%

.

2 กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์โครงสร้างพื้นฐาน ผลิตและติดตั้งระบบโครงสร้างพื้นฐานสำหรับเทคโนโลยีสื่อสารและโครงสร้างพื้นฐานสำหรับระบบพลังงาน จำนวน 2 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 27%

.

3.กลุ่มธุรกิจอื่นๆ ประมาณ 3 พันล้านบาท

.

แต่ทว่าเมื่อไล่เรียงมาถึงบรรทัดสุดท้าย กลับพบว่าภาพไม่ได้สวยงามตามท้องเรื่อง เพราะกำไรสุทธิปี 64 ของ DELTA กลับหดตัวลง 5% จากปี 63 เหลือ 6.7 พันล้านบาท

.

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?

.

DELTA อธิบายในงบการเงินว่า เป็นเพราะฟ้าฝนไม่เป็นใจ(แอดมินพูดเอง)

.

1.ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น 39% ซึ่งเป็นผลจากการขาดแคลนชิ้นส่วนเซมิคอนดัคเตอร์

.

2.ต้นทุนค่าขนส่ง และต้นทุนการวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ EV ในยุโรป เพิ่มขึ้น 30.5%

.

ส่งผลให้มาร์จิ้นในปี 64 ลดลงเหลือ 7.9% จากปี 63 ที่ทำได้ 11.05%

.

แม้ในปี 64 กำไร DELTA จะลดลงเพียง 5% แต่ราคาหุ้นในกระดานกลับดิ่งลงล่วงหน้าไปก่อนแล้ว 47% ลงมาอยู่แถวๆ 400 บาทบวกลบ เพื่อสะท้อนความคาดหวังที่สูงเกินจริง

.

ผลกระทบต่อมาที่ผู้ถือหุ้น DELTA ต้องเผชิญ คือ เงินปันผลที่ลดลงอย่างน่าใจหาย โดย DELTA ประกาศจ่ายเงินปันผลงวดปี 64 เพียง 1.70 บาท/หุ้น ซึ่งเป็นอัตราที่น้อยกว่าช่วงปกติที่จ่ายอยู่ในกรอบ 2.30-3.30 บาท/หุ้น

.

พอเหตุการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้ คำถามสุดคลาสสิคที่หลายคนมักจะถามหา คือ แล้ว DELTA ยังน่าสนใจอยู่มั๊ย?

.

จากคำให้การของ"อนุสรณ์ มุทราอิศ" กรรมการ DELTA ระบุว่า ยังมั่นใจผลการดำเนินงานปีนี้ของ DELTA จะเติบโตได้อย่างโดดเด่น ตามคำสั่งซื้อที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ การแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการขนส่งของบริษัทในปีนี้ลดลงด้วย

.

ส่วนการจ่ายเงินปันผลงวดปี 64 ที่ทำให้ใครหลายๆคนผิดหวัง กรรมการ DELTA บอกว่า เป็นเพราะบริษัทต้องกันเงินเอาไว้เพื่อซื้อที่ดินสำหรับสร้างโรงงานใหม่ เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรม EV Car รวมทั้งยังต้องมีค่าใช้จ่ายในการขยายโรงงานเก่าทุกแห่งอีกด้วย ...

.

ขณะที่มุมมองจากฝั่งโบรกเกอร์ ต้องบอกว่าหลากหลายวาไรตี้มาก!!

.

เริ่มจากกลุ่มที่่ประเมินราคาเหมาะสมของ DELTA ไว้ในกรอบล่างก่อน โดย บล.เอเซีย พลัส ให้ราคาเหมาะสมของ DELTA ไว้เพียง 190 บาท แต่ประเมินกำไรสุทธิปี 65 ไว้ที่ 7.9 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 19% ตามอุตสาหกรรม Data Center และ EV Car ทียังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี ประกอบกับ ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบคลี่คลาย ซึ่งจะช่วยให้กำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 23.1% ได้

.

ขณะที่ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ที่ให้ราคาเหมาะสมที่ 330 บาท ประเมินกำไรสุทธิปี 65 ไว้ที่ 1 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 51% จากปีก่อน ซึ่งจะทำให้ DELTA กลับมาจ่ายเงินปันผลสูงขึ้น อัตรา 4.87 บาท/หุ้น

.

ทีนี้ มาดูวิวโบรกเกอร์ ฝั่งที่ประเมินราคาเหมาะสมไว้ในกรอบบนดูบ้าง

.

เริ่มจาก บล.บัวหลวง ที่ให้ราคาเหมาะสม ไว้ที่ 450 บาท และประเมินกำไรสุทธิปี 65 ไว้ 9.2 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 38% จากปีก่อน มีเหตุผลหลักมาจากจากการเติบโตของ EV Car, Data center และ IoT

.

ส่วน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินราคาเหมาะสมของ DELTA ไว้ที่ 430 บาท และ คาดกำไรสุทธิปี 65 ไว้ที่ 8.9 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 33% ซึ่งจะทำให้ DELTA กลับมาจ่ายเงินปันผลปี 65 ในอัตรา 3.60 บาท/หุ้น

.

โดยสรุป ผู้บริหารและโบรกเกอร์ ก็ยังมองว่ากำไรสุทธิปี 65 ของ DELTA จะกลับมาเติบโตได้อย่างโดดเด่นอีกครั้ง หลังจากตกหลุมอากาศชั่วครู่ไปในปี 64

.

แต่นักลงทุนจะมองอย่างไร? และจะให้คุณค่ากับหุ้น DELTA สูงลิ่ว เหมือนในอดีตหรือไม่? คงต้องแล้วแต่ดุลยพินิจของแต่ละคน..แต่บางทีเราอาจจะได้เห็นปรากฎการณ์วิปริตแตกของหุ้น DELTA อีกครั้ง ช่วงใกล้ๆประกาศงบไตรมาส 1/65 ก็เป็นได้!!