GUNKUL กำลังเจอปัจจัยลบกดดัน
โบรกฯ แนะนำ “ขาย” หั่นเป้าหมายเหลือ 4.8 บาท
มองราคาแพงเกินไป ชี้ธุรกิจกัญชง-กัญชายังอ่อนแอ

.
GUNKUL มีประเด็นให้ต้องติดตามกันต่อ เพราะล่าสุดนักวิเคราะห์ออกมาระบุว่า มูลค่าพื้นฐานแพงเกินไป กำไรจากธุรกิจกัญชง/กัญชาน้อยกว่าคาด และมูลค่าที่จะได้จากบริษัทร่วมทุนใหม่ในธุรกิจพลังงานทดแทนลดลง ทำให้ต้องปรับลดคำแนะนำ GUNKUL ลงเป็น “ขาย” และปรับราคาเป้าหมายลงเหลือ 4.8 บาท
.
โดยสะท้อนจากมุมมองของนักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) มีความเห็นว่า ปรับลดคำแนะนำ GUNKUL ลงเป็น “ขาย” (จากเดิม ซื้อ) เนื่องจาก 1.ปรับลดมูลค่าจากบริษัทร่วมทุนระหว่าง GUNKUL (ถือหุ้น 50%) กับ GULF ลง และปรับกำไรของ GUNKUL ลงเพื่อสะท้อนผลจากการโอนโรงไฟฟ้าพลังงานลมรวม 170MW เข้าไปในบริษัทร่วมทุน
.
2.ปรับลดศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจกัญชง-กัญชาลงต่อ เนื่องจากมองว่าอุปสงค์ในประเทศยังอ่อนแอ 3.หลังปรับกำไรลงถึง 41% ในปี 65 รวมทั้ง 50% ในปี 66 และ46% ในปี 67
โดยมองว่า GUNKUL ซื้อขายที่มูลค่าพื้นฐานแพงเกินไปที่ 27 เท่า P/E บนปี 66 ในขณะที่คาด EPS เติบโตเพียง 4%ในปี 66 และ17% ในปี 67 จึงปรับราคาเป้าหมาย (ปีฐาน 66) ลงเป็น 4.8 บาท (จาก 6.2 บาท) หลังการปรับประมาณการ
.
มูลค่าเพิ่มจากการจัดตั้ง JV ลดลง
ขณะที่บริษัทร่วมทุน อย่างบริษัท กัลฟ์ กันกุล คอร์เปอเรชั่น ที่ตั้งขึ้นโดย GUNKUL และ GULF (ถือหุ้นฝั่งละ 50%) เพื่อลงทุนในพลังงานทดแทนร่วมกันบนเป้าหมายกำลังการผลิต 1 GW มีการลงเงินทุนเริ่มต้นฝ่ายละ 5 พันล้านบาท ซึ่ง GULF เพิ่มทุนด้วยเงินสด ส่วน GUNKUL ใช้การโอนโรงไฟฟ้าพลังงานลมกำลังการผลิตรวม 170MW เข้าในบริษัทร่วมทุน
.
ทั้งนี้มองว่าส่งผลลบต่อ GUNKUL ในทันที เนื่องจากหลังจากนี้ GUNKUL จะรับรู้กำไรจากโครงการได้เพียงครึ่งหนึ่ง (จากเดิม 100%) ซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่ในการปรับประมาณการกำไรของฝ่ายวิจัยในรอบนี้ อีกทั้งประเมินมูลค่าของโครงการได้ถึง 9 พันล้านบาทเทียบกับมูลค่าโดยนัยจากการโอนเพียง 5 พันล้านบาท
.
ดังนั้นยังมองว่ากลยุทธ์ทางธุรกิจของ JV นั้นไม่ชัดเจน โดยเชื่อว่าทั้ง GUNKUL, GULF และบริษัท JV ต่างยังคงเข้าร่วมการประมูลโครงการพลังงานทดแทน 5.2GW จึงคาดกำลังการผลิตใหม่ของ JV จะน้อยลงในช่วงแรก แต่ยังคาดจะสามารถมีกำลังการผลิต 1.0GW ได้ในปี 70
.
ตลาดกัญชง-กัญชาในไทยยังเติบโตช้า
นอกจากนี้ปรับมูลค่าจากธุรกิจกัญชง-กัญชาของ GUNKUL ลงเหลือ 0.6 บาท/หุ้น (จาก 1.1 บาท) จากอุปสงค์ที่ต่ำกว่าคาดมากโดยเฉพาะตลาดในประเทศ ผลิตภัณฑ์กัญชงในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม และการรักษาโรคยังไม่ได้รับความนิยมเท่าที่คาดไว้
.
โดยเห็นความนิยมของเครื่องดื่ม CBD เริ่มลดลง ส่วนผลิตภัณฑ์น้ำมัน CBD เข้มข้นสำหรับแก้อาการนอนไม่หลับและบรรเทาอาการปวดยังถูกใช้ในกลุ่มเฉพาะ อย่างไรก็ตามยังคาดหวังว่าหน่วยธุรกิจนี้จะมีรายได้จากการส่งออกผลิตภัณฑ์ CBD และกัญชา สำหรับทางการแพทย์ ได้ในอนาคต สำหรับสมมติฐานใหม่เกี่ยวกับธุรกิจกัญชง/กัญชาของ GUNKUL
.
ราคาหุ้นแพงเกินไป
สำหรับราคาหุ้น GUNKUL ซื้อขายที่ P/E 27 เท่า ในปี 66 ภายใต้ประมาณการของฝ่ายวิจัย มองว่าแพงสำหรับหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ EPS ที่เติบโตเฉลี่ยเพียง 12% ต่อปีในช่วงปี 66-68 เชื่อว่าราคาหุ้นยังสะท้อนมุมมองบวกของตลาดต่อศักยภาพการเติบโตของบริษัทร่วมทุนบนธุรกิจพลังงานทดแทน และการเติบโตของธุรกิจกัญชง/กัญชา นอกจากนี้ยังคาดว่าประโยชน์จากการปรับขึ้นค่า Ft จะสูงสุดในช่วงต้นปีหน้า และกลับทิศทางลงหลังจากนั้น