ห้องเม่าปีกเหล็ก

เจาะหุ้นปันผลเด่นฝ่า”โควิด”

โดย หญิงแม้น
เผยแพร่ :
63 views

เจาะหุ้นปันผลเด่นฝ่า”โควิด” โบรกชู”แบงก์/อสังหา/ไอซีที/ก่อสร้าง”

โบรกฯแนะดักเก็บหุ้นจ่าย “ปันผลสูง-พื้นฐานแข็งแกร่งปันผลเด่น” ช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. “บล.เอเซีย พลัส” ชูหุ้นปันผลสูงกลุ่ม “แบงก์-อสังหาฯ” เด่น ขณะที่หุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งปันผลเด่นยกให้ “ไอซีที-ก่อสร้าง” ชี้ที่ผ่านมาปรับฐานลงแรง แถมราคาปัจจุบันยังปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าตลาด ฟาก “บล.กสิกรไทย” เปิดกลุ่มหุ้นทั้งที่ถูกโควิดกระทบน้อย-มาก ทว่ายังจ่ายปันผลดี

นายภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตลาดหุ้นไทยมีความคาดหวังต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่าจะจบได้ แต่ที่ผ่านมาสถานการณ์ยังไม่จบและค่อนข้างกดดันตลาดปรับฐานลงมาแรงสู่ระดับต่ำสุด ในช่วงวันที่ 13 มี.ค. โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET index) ร่วงลงไปกว่า 39% หลังจากนั้นค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดของปีได้กว่า 25% (ณ 9 เม.ย. 2563) ถือได้ว่าดัชนีปรับขึ้นมาแรงและเร็วมากในระยะเวลาไม่ถึงเดือน

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดดูเหมือนจะรับรู้ประเด็นโควิด-19 จบไปแล้ว แต่ในความเป็นจริงสถานการณ์ยังไม่จบและเริ่มเห็นมาตรการดูแลที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นตลาดอาจจะมีโอกาสชะลอการปรับตัวขึ้นบ้าง จากความเสี่ยงในอนาคต โดยหนึ่งกลยุทธ์ลงทุนที่น่าสนใจช่วง 1-2 เดือนนี้ คือหุ้นปันผลสูงและหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง ปันผลเด่น ซึ่งช่วงนี้เป็นฤดูกาลการจ่ายปันผลพอดี (มี.ค.-พ.ค.) และพบว่าหุ้นปันผลจะฟื้นตัวได้ร้อนแรงกว่าตลาด สะท้อนได้จากดัชนี SETHD เพิ่มขึ้น 8.47% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ขณะที่ SET index เพิ่มขึ้นเพียง 7.1%

 

“หุ้นปันผลส่วนใหญ่มีรายได้มั่นคง เมื่อเทียบกับหุ้นประเภทอื่น ๆ มีเบาะรองรับจากการผันผวน จึงผันผวนน้อยกว่าตลาด สามารถรับความเสี่ยงข้างหน้าได้ โดยเฉพาะหุ้นปันผลสูงถูกไล่ราคาได้ดี เป็นที่จับจ้องของทุกคน ในช่วงนี้ ซึ่งราคาหุ้นปันผลมักปรับตัวขึ้นได้ดีก่อนการจ่ายปันผลเสมอ” นายภราดรกล่าว

ทั้งนี้ หุ้นปันผลสูงที่จะทยอยประกาศจ่ายปันผลช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. มักจะเป็นกลุ่มธนาคารพาณิชย์และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะเดือน เม.ย.จะเป็นกลุ่มแบงก์ที่ประกาศขึ้นเครื่องหมาย XD (ปันผลเป็นเงิน) ซึ่งตั้งแต่วันที่ 6-8 เม.ย. ราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวขึ้นมา 9.4% มากกว่า SET index ที่เพิ่มขึ้นแค่ 5.8% ถือว่าเป็นกลุ่มค่อนข้างมีประสิทธิภาพ (outperform)

“เมื่อวันที่ 9 เม.ย.มีการขึ้น XD ของ 2 แบงก์ใหญ่ คือ SCB (ธนาคารไทยพาณิชย์) ที่เตรียมจ่ายปันผล 4 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 22 เม.ย. และวันที่ 30 เม.ย.นี้กับ KBANK (ธนาคารกสิกรไทย) ที่เตรียมจ่ายปันผล 4.50 บาทต่อหุ้น และระยะถัดไปจะมี KKP (ธนาคารเกียรตินาคิน) และ BBL (ธนาคารกรุงเทพ) ที่ราคาจะเด้งรับตามมา แต่ทั้งนี้หลังจากจ่ายปันผลหุ้นกลุ่มนี้จะเริ่มชะลอลงคล้าย ๆ กับ BAM (บมจ.บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชยการ) ที่ปรับขึ้นมาแรงก่อนวันจ่ายปันผล” นายภราดรกล่าว

นอกจากนี้ยังมีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจ เพราะที่ผ่านมาปรับฐานลงมาแรง ซึ่งจะทยอยประกาศขึ้นเครื่องหมาย XD ช่วงปลายเดือน เม.ย. เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย. หุ้น SPALI (บมจ.ศุภาลัย)และ QH (บมจ.คิวเฮ้าส์) ที่จะจ่ายปันผลช่วงเดือน พ.ค. ส่วน LH (บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์) ยังไม่ประกาศขึ้น XD แต่ส่วนใหญ่จะจ่ายเงินปันผลเดือน พ.ค.เช่นเดียวกัน

นายภราดร กล่าวอีกว่า ที่น่าสนใจยังมีหุ้นพื้นฐานแกร่งปันผลเด่น ที่มีเงินปันผลตอบแทน (dividend yield) อยู่ในระดับสูง แต่อาจจะไม่ได้รับเงินปันผลในช่วงเวลาใกล้ ๆ นี้ แต่มีรายได้เข้มแข็งกว่าหุ้นตัวอื่น ๆ เช่น BAM หรือ INTUCH เป็นต้น รวมถึงยังมี DIF (กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม) ที่ได้ประโยชน์จากการล็อกดาวน์ รวมไปถึงหุ้นก่อสร้าง SEAFCO (บมจ.ซีฟโก้) ที่กำไรไตรมาส 1/63 ถือว่าค่อนข้างเด่น คาดว่าจะเติบโตเทียบไตรมาสก่อนจะดีขึ้น หลังมีงานใหม่เข้ามาจากโครงการทางด่วนดาวคะนองและโครงการหมอชิตคอมเพล็กซ์ แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับฐานลงมา 30-40% ตั้งแต่ต้นปี แต่คนงานส่วนใหญ่ทำงานจนถึง 2 ทุ่ม จึงไม่ถูกผลกระทบจากการเคอร์ฟิว

ขณะที่ นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทย กล่าวว่า หุ้นที่น่าลงทุนช่วงนี้ แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะลากยาวไปถึง 3-6-9 เดือน เป็นหุ้นที่ยังสามารถจ่ายปันผลได้ค่อนข้างดี จากกระแสเงินสดหรือรายได้จากการทำธุรกิจที่ยังดี จะแบ่งเป็นกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลกระทบน้อย ได้แก่ อาหารและสินค้าเกษตร, ค้าปลีกเน้นธุรกิจอาหาร, ไอซีที, โรงไฟฟ้า ส่วนกลุ่มหุ้นที่กระทบมากคือโรงหนัง, ห้างสรรพสินค้า, อิเล็กทรอนิกส์, พลังงาน, อสังหาริมทรัพย์, รถไฟฟ้า, ท่องเที่ยว และธนาคารพาณิชย์

“เบื้องต้นบริษัทประเมินโควิด-19 จะดีเลย์ไป 3 เดือน หรืออยู่บนสมมุติฐานว่าการแพร่ระบาดของไวรัสจะสิ้นสุดภายในไตรมาส 2/63 แต่ถ้าลากยาวไป 6 เดือน หรือ 9 เดือน อัตราเงินปันผลตอบแทนของหุ้นแต่ละกลุ่มจะลดลง” นายสุนทรกล่าว

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


หญิงแม้น