การหาสัญญาณในการเทรดไบนารี่
สัญญาณในการเทรด เป็นจุดที่บอกว่าในขณะนั้นราคาของสินทรัพย์อยู่ในจุดที่เหมาะสมที่จะทำการเข้าซื้อหรือขายสินทรัพย์ โดยสามารถสร้างขึ้นได้จากการวิเคราะห์ ทั้งการวิเคราะห์เชิงเทคนิค (Technical Analysis) และการวิเคราะห์เชิงพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
การวิเคราะห์เชิงเทคนิค (Technical Analysis)
เป็นการศึกษาพฤติกรรมของราคาสินทรัพย์ หรือพฤติกรรมของตลาดในอดีตโดยใช้ข้อมูลในอดีตเหล่านั้นมาคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต การวิเคราะห์เชิงเทคนิคสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การหาแนวโน้มการเคลื่อนที่ของราคา (Trend), แนวรับ-แนวต้าน (Support & Resistance), รูปกราฟแท่งเทียน (Candlestick), รูปแบบราคา(Chart Patterns), และดัชนีชี้วัด (Indicators) ซึ่งการวิเคราะห์เชิงเทคนิค ในหลายๆรูปแบบนี้ก็ถูกนำมาใช้ในการหาสัญญาณในการเทรดไบนารี่ด้วย
แนวรับ-แนวต้าน (Support & Resistance)
เป็นการระบุระดับราคาต่างๆจากราคาที่เคยเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการกลับตัวหรืออย่างน้อยการช้าลงของพฤติกรรมราคา ณ ระดับราคานั้น ซึ่งจะให้ข้อมูลสำหรับพฤติกรรมราคาอนาคตต่อไป มีหลากหลายวิธีที่จะระบุระดับราคาเหล่านั้นและนำไปใช้ในการเทรด ระดับราคาแนวรับแนวต้านสามารถระบุจุดกลับตัวได้
การตีเส้นแนวรับแนวต้าน เราจะดูจากการที่กราฟมาถึงจุดจุดนึงเกินสองครั้งและไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ เรียกว่าแนวรับแนวต้านสำคัญ ยิ่งกราฟมาชนแนวรับแนวต้านหลายครั้งแต่ไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ แนวรับแนวต้านนั้นยิ่งแข็งแกร่ง การหาสัญญาณในการเทรดไบนารี่ สามารถทำได้โดยการเลือกช่วงระยะเวลาแท่งเทียนให้เหมาะสมกับระยะหมดเวลาของไบนารี่ และดูทิศทางจากตำแหน่งของกราฟ โดยหากกราฟชนแนวรับหรือแนวต้าน มีแนวโน้มว่าจะเกิดการกลับตัวของราคา แต่หากว่ากราฟทะลุเส้นแนวรับและแนวต้านออกไป แสดงถึงว่าราคาจะไปต่อในทิศมางดังกล่าว
รูปแบบกราฟ (Chart Pattern)
รูปแบบกราฟ หรือ Chart Pattern เป็นอีกหนึ่งเทคนิคการวิเคราะห์กราฟราคาสินทรัพย์ โดยอาศัยการสังเกตุรูปแบบการคลื่นไหวของตลาด Chart Pattern มีมากมายหลายรูปแบบ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการหาสัญญาณในการเทรดไบนารี่ได้ จะขอยกตัวอย่าง ดังนี้
- กราฟรูปสองยอด (Double Top and Bottom) เป็นลักษณะของการ test new high หรือ new low ซ้ำๆ มักจะเกิดขึ้นที่ปลายสุดของตลาด ไม่ว่าจะเป็นในตลาดขาขึ้น (ตลาดกระทิง) หรือตลาดขาลง (ตลาดหมี) เป็นสัญญาณเตือนให้นักเทรดรู้ถึงการเปลี่ยนทิศทางของตลาดในอนาคต
กราฟรูปสามยอด (Triple Top and Bottom) เมื่อปรากฏที่ตลาดขาขึ้น เราเรียก Triple Top แสดงสัญญาณปลายตลาดขาขึ้น และสัญญาณขาย โดยปริมาณการซื้อขายลดลงในยอดที่สองและสาม ในการสังเกตุให้ใช้ร่วมกับสัญญาณ Bearish Divergence แต่หากปรากฏในตลาดขาลง เรียกว่า Triple Bottom แสดงสัญญาณปลายตลาดขาลง และสัญญาณซื้อ โดยปริมาณการซื้อขายจะเพิ่มขึ้นในยอดที่สองและสาม และควรใช้ร่วมกับสัญญาณ Bullish Divergence ด้วย การหาเป้าหมายในการซื้อหรือขายนั้น ใช้ความยาวเส้นคอที่วัดจากยอดที่สูงสุด
กราฟรูปศีรษะและหัวไหล่ (Head and Shoulders) กราฟรูปศีรษะและหัวไหล่ จะมีลักษณะคล้ายหัวไหล่สองข้างและศีรษะของคน โดยปรากฏในขาขึ้น เรียกว่า Head and Shoulders แสดงภาวะปลายตลาดกระทิง ส่งสัญญาณนักลงทุนให้ระวังการเปลี่ยนทิศของราคา ข้อสังเกตุคือ ปริมาณการซื้อขายเบาบางลง ควรใช้ร่วมกับสัญญาณ Bearish Divergence ขณะที่ปรากฏในตลาดขาลง เรียกว่า Inverted Head and Shoulders แสดงภาวะปลายตลาดหมี ส่งสัญญาณการเข้าซื้อ ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น และเกิดสัญญาณ Bullish Divergence การวัดเป้าในการซื้อหรือขาย โดยวัดจากเส้นคอไปที่จุดสูงสุดของยอดศีรษะ
ดัชนีชี้วัด (Indicators)
คือเครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์สภาพตลาด แนวโน้มตลาด ด้วยเงื่อนไข,สูตรการคำนวณต่างๆ ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก และแบ่งออกเป็นหลายประเภท ซึ่งการใช้อินดิเคเตอร์สามารถช่วยในการหาสัญญาณในการเทรดไบนารี่ได้เป็นอย่างดี
บนแพลตฟอร์มของ IQ Option เราได้เพิ่มอินดิเคเตอร์ที่มีความหลากหลายเพื่อช่วยในการวิเคราะห์ และหาสัญญาณในการเทรด เราจะยกตัวอย่างอินดิเคเตอร์ที่ได้รับความนิยม และการนำมาใช้ร่วมกันเพื่อหาสัญญาณการเทรดไบนารี่ และสินทรัพย์อื่นๆ
- Awesome Oscillator และ Alligator: เป็นอินดิเคเตอร์ที่ใช้ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน ซึ่งอินดิเคเตอร์ทั้ง 2 ตัวจัดอยู่ในประเภทตัวชี้วัดตาม (Lagging indicator) และได้รับการพัฒนาโดย Bill Williams วัตถุประสงค์ของการใช้อินดิเคเตอร์ทั้ง 2 ตัวนี้ ก็เพื่อดูสัญญาณแนวโน้ม และระบุทิศทาง โดย Alligator อาจระบุทิศทางของการเคลื่อนไหวของราคาเพื่อหาสัญญาณในการเข้าซื้อ ส่วน Awesome Oscillator นั้นใช้ในการดูโมเมนตัมเพื่อส่งสัญญาณจุดเข้าและออกออเดอร์เมื่อเกิดเทรนด์
MACD และ Bollinger Bands: เป็นอินดิเคเตอร์ที่ช่วยในการหาสัญญาณในการเทรดไบนารี่ได้เป็นอย่างดี โดย MACD แสดง convergence และ divergence ของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) ใช้ในการแสดงการกลับตัวของเทรนด์และดูความแข็งแกร่งของเทรนด์ ส่วน Bollinger Bands ที่อยู่ในหมวดหมู่ของตัวบ่งชี้แนวโน้มสะท้อนถึงช่วงไดนามิกของการเคลื่อนไหวของราคา
Ichimoku Cloud และ RSI: ในการดู Ichimoku Cloud สำหรับมือใหม่อาจจะเกิดความสับสนได้ในครั้งแรกๆ แต่เมื่อเริ่มทำการศึกษาก็จะเกิดความคุ้นเคยในการใช้งาน ซึ่ง Ichimoku จะรวมคุณลักษณะของตัวบ่งชี้แนวโน้ม และออสซิลเลเตอร์ไว้ด้วยกัน อีกทั้งยังสามารถบ่งบอกถึงไดนามิคและการเปลี่ยนแปลงทิศทางราคา เช่นเดียวกับแนวรับและแนวต้าน ซึ่งนอกจากจะใช้ได้ดีด้วยตัวของมันเองลำพังแล้ว Ichimoku ก็สามารถใช้ร่วมกับออสซิลเลเตอร์ได้ดี โดยจุดประสงค์ก็เพื่อช่วยยืนยันโมเมนตัมของตลาด หนึ่งในการจับคู่การใช้คือการใช้ร่วมกับ RSI (Relative Strength Index) ที่เป็นอินดิเคเตอร์ที่บอกความแข็งแกร่งของแนวโน้มปัจจุบันและจุดกลับตัวที่สามารถเกิดขึ้นได้
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
เป็นการวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจ ภาวะอุตสาหกรรม โดยการติดตามข่าวสาร หรือการประกาศต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์นั้นๆ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานอาจไม่ใช่เครื่องมือที่เหมาะกับการเทรดระยะสั้นมากๆ แต่การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นนฐานสามารถช่วยให้นักเทรดสามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตลาดในระยะยาวได้
ปฏิทินเศรษฐกิจ (Economic calendar)
เป็นเครื่องมือสำคัญในการเกาะติดข้อมูลทางเศรษฐกิจที่มีผลกับสภาพตลาด แสดงข้อมูลของผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐาน ช่วยให้นักเทรดสามารถติดตามการประกาศทางการเงินที่สำคัญที่อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจพื้นฐานและทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคา
สิ่งที่ควรรู้:
เวลา: เวลาที่จะมีการเผยแพร่ข่าว
ประเทศ: แสดงสกุลเงินที่ได้รับผลกระทบ คู่เงินทั้งหมดที่มีสกุลเงินนั้นมีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบ
ผลกระทบ: ระบุถึงขอบเขตที่เป็นไปได้ของผลกระทบที่ข่าวอาจมีต่อตลาด
เหตุการณ์: ชื่อของเหตุการณ์ข่าว
ก่อนหน้า: ข้อมูลที่ผ่านมา
คาดการณ์: การคาดการณ์ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้
เกิดขึ้นจริง: ผลลัพธ์ของเหตุการณ์ข่าว
วิธีตีความข้อมูล:
ดูความสำคัญของข่าว โดยพิจารณาข่าวที่มีความสำคัญหรือส่งผลกระทบมากเป็นหลัก บางแหล่งอาจะใช้สีบอกความสำคัญ (สีแดงมีความสำคัญมากที่สุด) บางแหล่งอาจจะใช้จำนวนจุดในการบอกความสำคัญ (3 จุดสำคัญมากที่สุด) จากนั้นพิจารณาข้อมูลหรือตัวเลขจริงที่เผยแพร่ว่าแตกต่างจากข้อมูลที่คาดการณ์ไว้อย่างไร โดยทั่วไปหากตัวเลขจริงแสดงถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ดีกว่าตัวเลขคาดการณ์ จะเป็นผลในทางบวกต่อค่าเงิน หากส่งผลในทางตรงกันข้ามจะเป็นผลในทางลบต่อตัวค่าเงิน นอกจากนี้หากค่าความแตกต่างยิ่งสูง ยิ่งมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดความผันผวนหรือการเคลื่อนไหวของราคาที่มากขึ้น
การหาสัญญาณในการเทรดไบนารี่นั้นมีหลายวิธีการ ซึ่งนักเทรดควรจะศึกษาหลักการณ์ต่างๆให้ดี และฝึกฝนการใช้งาน การวิเคราะห์ เพื่อหาว่าวิธีใดเหมาะสมกับการเทรดของเรา นอกจากนี้ต้องอย่าลืมว่า สัญญาณต่างๆ ที่เกิดขึ้นอาจจะไม่ใช่สัญญาณที่ถูกต้องเสมอไป ดังนั้นจึงต้องอาศัยการวิเคราะห์หลายๆวิธีเข้ามาช่วย
ติดตามข่าวสารผ่านช่องทางอื่นๆได้ที่:https://www.facebook.com/pg/TradingSignalsThailand