เปิด9หุ้นต่ำ10อัพไซด์สูง เหมาะรายย่อยสร้างโอกาสผลตอบแทน
โอกาสนักลงทุนรายย่อย “9 หุ้นราคาตํ่า 10 บาท อัพไซด์สูง” AP, AAV, CHG, ERW, IRPC, LH, PLANB, QH และ WHA โบรกฯแนะทริก เฟ้นหุ้นกระแสเงินสด พื้นฐานมั่นคง
“หุ้นราคาตํ่ากว่า 10 บาท” ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนรายย่อย เพราะไม่ต้องใช้เงินลงทุนมาก เทียบกับการลงทุนในหุ้นราคาสูง แต่ได้จำนวนหุ้นที่น้อยและอาจไม่คล่องตัว อีกทั้งหุ้นราคาตํ่า 10 บาท บางตัวที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งยังสามารถลงทุนระยะยาวรอรับเงินปันผล อย่างไรก็ตามหุ้นในกลุ่มนี้อาจมีความเสี่ยงจากการถูกบังคับขาย โดยเฉพาะช่วงภาวะตลาดหุ้นตกลงหนัก
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)ฯ กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ให้ทริกการลงทุนหุ้นกลุ่มนี้ว่า หลักในการเลือกต้องเป็นหุ้นที่ Outperform มีผลประกอบการดี ส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่มีกระแสเงินสด พื้นฐานมั่นคง หรือมีผลตอบแทนเงินปันผลที่น่าสนใจ หลีกเลี่ยงในรายที่ภาระหนี้สินสูง หุ้นที่ผลตอบแทนจับต้องไม่ได้
ปัจจุบันหุ้นขนาดกลางและเล็กหลายตัว น่าสนใจในการลงทุน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในภาวะตลาดที่แย่ทำให้นักลงทุนบางกลุ่มอาจถูกบังคับขาย ส่งผลให้หุ้นหลายตัวปรับลงหนักในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งๆที่ไม่เกี่ยวกับประเด็นพื้นฐานของหุ้นที่เป็นสาเหตุให้ราคาต้องลงมาก นักลงทุนจึงต้องติดตามการเคลื่อนไหว และพิจารณาหุ้นเป็นรายตัว
“มีหุ้นหลายตัวที่ถูกและพื้นฐานดีและน่าสนใจ เพียงแต่นักลงทุนต้องระวังหุ้นที่ถูกผลักดันให้ราคาขึ้นสูงเกินจริงจนแพง เพราะหากมาเจอในจังหวะที่ตลาดลงหนัก หรือกำลังปรับพอร์ตรองรับการลงทุนรอบใหม่ หุ้นในกลุ่มนี้ก็อาจถูกบังคับขาย เป็นความเสี่ยงในระยะสั้นมากกว่าปกติได้”
นายกิจพณ ได้ยกตัวอย่างหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ว่าหลายตัวมีโอกาสที่จะฟื้นจากราคาที่ตอบรับปัจจัยลบจนปรับลดมากเกินไป หุ้นอสังหาฯ ส่วนใหญ่จะซื้อด้วย P/E ประมาณ 6 เท่า ซึ่งสะท้อนผลประกอบการอาจจะดี โดยเฉพาะรายที่จับตลาดผู้ซื้อมีดีมานด์จริง เช่น บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) (บมจ. ) (AP), บมจ. บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) มีกำไรโตต่อเนื่องและจ่ายปันผลสมํ่าเสมอ รวมถึงหุ้นในนิคมอุตสาหกรรม ที่ได้อานิสงส์จากโครงการลงทุนของภาครัฐ
ตัวอย่าง บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) นักวิเคราะห์ 10 ใน 11 บล.แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายสูงสุด 9.10 บาท/ตํ่าสุด 7.20 บาท จากราคาปิดล่าสุดที่ 6.45 บาท เช่นเดียวกับ บมจ. เอเชียเอวิเอชั่น (AAV) ,บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG) และ บมจ.แพลน บี มีเดีย (PLANB) 8 ใน10 หรือราว 80% ของนักวิเคราะห์ แนะนำซื้อและมีอัพไซด์เฉลี่ย 12- 23% ในส่วนของ CHGตลาดยังเตรียมปรับประมาณกำไรหุ้น จากรายได้ผู้ป่วยใน และสปสช. เพิ่ม
ขณะที่ PLANB มีกำไรสุทธิ 3 ปี (2559-2561) โตต่อเนื่อง YoY โดยมีกำไรสุทธิ 351.60 ล้านบาท, 460.52 ล้านบาท และ 642.78 ล้านบาท ตามลำดับ ในไตรมาสแรกปี 2562 มีกำไรสุทธิ154.07 ล้านบาท เติบโต 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 139.10 ล้านบาท
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก