ห้องเม่าปีกเหล็ก

สงครามยังไม่สงบ อย่าพึ่งนับศพทหาร

โดย ศักดิ์
เผยแพร่ :
65 views

สงครามที่เกิดขั้นในโลกนี้ทุกครั้ง ต้องใช้เวลาในการเตรียมตัว สู้รบ และเจรจา ซึ่งกว่าจะรู้ผลชี้ขาดว่าใครจะแพ้จะชนะก็ต้องใช้เวลานับเป็นร่วมปี หรือหลายปี เลยทีเดียว  ยกตัวอย่างสงครามที่เกิดขึ้นในอดีต ดังนี้ คือ :

1) สงครามโลกครั้งที่ 1 กินเวลา 4 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ 1914 - 1918 ( ระหว่างฝ่ายพันธมิตร และ ฝ่ายอักษะ  )

2) สงครามโลกครั้งที่ 2 กินเวลา 6 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ 1939 - 1945 ( ระหว่างฝ่ายพันธมิตร และ ฝ่ายอักษะ )

3) สงครามเย็น กินเวลา 44 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ 1945 - 1989 ( ระหว่างสหรัฐอเมริกา และ โซเวียตรัสเซีย ) 

สงครามการค้าโลกพึ่งเริ่มต้นเมื่อประธานาธิบดี Donald Trump ได้รับการเลือกตั้งให้ดํารงตําแหน่งเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2559 โดยชูนโยบาย " America First " และ หนึ่งในนโยบาย America First ก็คือ " นโยบายการกีดกันการค้ " แล้งจึงก่อให้เกิด " สงครามการค้าโลก " ในเวลาต่อมา

เนื่องจากสหรัฐอเมริกาขาดดุลการค้ากับจีนมากที่สุด จึงทําให้ " สงครามการค้าโลก " จึงกลายมาเป็น " สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา และ จีน " และ เริ่มต้นประกาศสงครามกันอย่างเป็นทางการในปีนี้ คือปี พ.ศ 2561 นี้เอง

ผู้โพสต์คาดว่า " สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอมริกา และ จีน " น่าจะยืดเยื้อยาวนานอีกอย่างน้อย 2 - 3 ปีหรืออาจจะมากกว่านั้น  กว่าจะรู้ผลชี้ขาดว่าใครจะแพ้จะชนะ 

จากผลของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา กับ จีน ทําให้การส่งออกและการท่องเที่ยวของประเทศไทยชะลอตัว ซึ่งเห็นได้ชัดจากตัวเลข GDP ไตรมาส 3/2018 ที่ประกาศออกมาเมื่อเร็วๆนี้ตํ่ากว่าคาดที่ 3.3% ซึ่งได้ทําให้ สภาพัฒน์ฯลดประมาณการ GDP ของไทยในปี พ.ศ 2561 ทันทีจาก 4.6% มาอยู่ที่ 4.2%

สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา กับ จีน มีผลกระทบในเชิงลบต่อทั่วทั้งโลก และ ประเทศไทย เนื่องจากจะมีผลต่อสภาวะเศรษฐกิจให้ชะลอตัวไปสักระยะหนึ่ง แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสครั้งสําคัญที่จะพลิกประเทศไทยให้กลายเป็น " ประเทศไทยในยุคโชติช่วงชัชวาลครั้งที่ 2 " ได้ถ้า  "รู้จักคิดเป็นทําเป็น "

เพราะฉะนั้น การเลือกตั้งทั่วไปจะเลื่อนหรือไม่เลือนไม่สําคัญ? และ รัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว จะเป็นใครและพรรคการเมืองใดก็ไม่สําคัญ? แต่ที่สําคัญมีแค่ 2 ประการ คือ :

1) การเมืองไทยหลังการเลือกตั้งทั่วไปมีเสถียรภาพและมั่นคง

2) รัฐบาลหลังการเลือกตั้งทั่วไป " รู้จักคิดเป็นทําเป็ " โดยการผลักดันโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท เพื่อรองรับการย้ายฐานการลงทุนจากประเทศจีนมายังประเทศอื่นๆรวมทั้งประเทศไทยด้วย

นักลงทุนก็จะควรจะ " รู้จักคิดเป็นทําเป็น" เช่นเดียวกัน โดยการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่น่าจะได้รับอานิสงค์จากนโยบายโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาทของรัฐบาลไทยหลังการเลือตั้งทั่วไปคือหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งน่าจะทําให้ได้รับประโยชน์และผลตอบแทนที่ดีในอนาคตไปจนถึงปลายปี พ.ศ 2563  เมื่อ 80% ของโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท ได้มีการประมูลและรู้ผลแล้ว ก่อนที่ฟองสบู่โลกจะแตกในปี พ.ศ 2564 

อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นดังกล่าวข้างต้นเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสต์เอง และไม่รับประกันความถูกต้องได้

 หมายเหตุ : โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ ได้ใน longtunbysak.blogspot.com

 

 

 

 


ศักดิ์