โดย BID
เผยแพร่ : 
1,421 viewsพอร์ตหุ้น “กองทุนวายุภักษ์1” ตำนานที่มีชีวิต-โชว์อัตราเงินปันผลเฉลี่ย 4.04%...
กระจุกตัวใน 2 หุ้น “PTT-SCB” กว่า 78% !!!
.
สาระ Fund วันละนิด: วันนี้จะพามาส่องพอร์ตหุ้นของ “กองทุนวายุภักษ์1” กันบ้าง กองทุนที่เป็นตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน “นกวายุภักษ์” ไม่มีวันตาย
.
ย้อนไปในปี2003 (พ.ศ. 2546) “กระทรวงการคลัง” ได้จัดตั้ง “กองทุนวายุภักษ์1” ขึ้นมาในรูปแบบกองทุนปิด อายุ 10 ปี มีนโยบายคุ้มครองเงินต้น พร้อมปันผลขั้นต่ำให้ 3% มูลค่ากองทุนกว่า 5 แสนล้านบาท บริหารจัดการโดย 2 บลจ. ได้แก่ “บลจ.กรุงไทย” และ “บลจ.เอ็มเอฟซี” คนละครึ่ง
.
แม้วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งกองทุนจะระบุว่าเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารทรัพย์สินของรัฐบาลแทนกระทรวงการคลังโดยจะช่วยลดการใช้งบประมาณแผ่นดินลง และเป็นการเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้กับประชาชนนั้น
.
แต่คนในแวดวงตลาดทุนในยุคนั้นต่างทราบกันดีและตั้งฉายาเอาไว้ให้ว่า “กองทุนพยุงหุ้น” ซึ่งเป็นช่วงที่ “ตลาดหุ้นไทย” ค่อนข้างซบเซา ดัชนีปิดสิ้นปี2002 (พ.ศ.2545) ที่ระดับเพียง 356.48 จุด เท่านั้น (ต่ำจนนักลงทุนยุคปัจจุบันอาจจะจินตนาการไม่ออกกันเลยทีเดียว)
.
หลังจากตั้ง “กองทุนวายุภักษ์1” ในปีแรก ดัชนีหุ้นไทยก็บวกแรงมาปิดสิ้นปี2003 (พ.ศ.2546) ที่ระดับ 772.15 จุด เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว และตลอดระยะเวลา 10 ปี ของอายุกองทุนวายุภักษ์ที่กางปีกโบกบินในตลาดหุ้นไทย ก็พาตลาดให้ทะยานมาจบสิ้นปี2013 (พ.ศ. 2556) ที่ระดับ 1,298.71 จุด
.
ในขณะที่ “กองทุนวายุภักษ์1” เองตลอดอายุ 10 ปีก็สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยให้ผู้ลงทุนได้ถึง 14.96% ต่อปี
.
โดยหลังครบอายุ ได้มีการปิดกองทุนและทำการคืนเงินให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนทั้งหมด และมีการแปลงสภาพมาเป็น “กองทุนเปิด” และเปิดขายหน่วยลงทุนอีกครั้ง แต่จำกัดวงไว้แค่เฉพาะกระทรวงการคลัง และนักลงทุนที่เป็นหน่วยงานภาครัฐเท่านั้น และยังไม่มีการขายหน่วยลงทุนให้แก่ “นักลงทุนทั่วไป” แต่ประการใดตราบจนถึงทุกวันนี้
.
แต่ “กองทุนวายุภักษ์” ก็ยังโลดแล่นอยู่ใน “ตลาดหุ้นไทย” ไม่เคยห่างหายไปไหนจวบจนปัจจุบัน ที่เพดานบินตลาดหุ้นไทยไต่ระดับสูงขึ้นมาอยู่บริเวณ 1,700 จุด แล้ว !!!
.
ด้วยมูลค่าสินทรัพย์สุทธิกว่า 3 แสนล้านบาท “กองทุนวายุภักษ์1” ลงทุน 16 หุ้นติด Top10 ผู้ถือหุ้น มีอะไรกันบ้างนั้น ทางทีมงาน ‘Wealthythai’ ได้รวบรวมเอาไว้ในตารางด้านล่างไว้เรียบร้อยแล้ว ตามไปดูพร้อมๆ กันได้เลย
.
“PTT-SCB” ครองส่วนแบ่งพอร์ต “กองทุนวายุภักษ์1” รวมกันกว่า 78%...อัตราเงินปันผลของพอร์ต 4.04%%
.
จากการสำรวจของทีมงาน ‘Wealthythai’ พบว่า ปัจจุบัน “กองทุนวายุภักษ์1” มีพอร์ตหุ้นที่ถือติด Top10 ผู้ถือหุ้นใหญ่ 16 ตัว มูลค่ารวมกัน 249,743.35ล้านบาท (ไม่รวมKTB-P,THAI) ส่วนหุ้นที่ลงทุนก็ไม่ได้จำกัดแค่หุ้นที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นหลักๆ แต่ประการใด
.
ที่น่าสังเกต คือ หุ้นที่ลงทุนมากสุด 2 อันดับแรก มีสัดส่วนรวมกันกว่า 77.85% ของพอร์ตเข้าไปแล้ว ได้แก่ PTT 46.25% และ SCB 31.60% ถือเป็น 2 หุ้นหลักในพอร์ตของ “กองทุนวายุภักษ์1” ในปัจจุบันเลยก็ว่าได้
.
สำหรับหุ้นทั้ง 16 ตัวในพอร์ต “กองทุนวายุภักษ์1” มีอะไรกันบ้างนั้น ได้รวบรวมเอาไว้ในตารางด้านล่างไว้เรียบร้อยแล้ว ตามไปดูพร้อมๆ กันได้เลย
.
ทั้งนี้ จะพบว่า หุ้นในพอร์ต “กองทุนวายุภักษ์1” นั้น กว่า 78% อยู่ในหุ้น 2 ตัวแรก ได้แก่ PTT และ SCB เป็นหลัก ซึ่งถ้าเป็นกองทุนปกติทั่วไปทำไม่ได้แน่นอน ส่วนที่เหลืออีก 22% ก็กระจายไปในหุ้นต่างๆ ดังนี้ TTB, KTB, BCP, AOT, ADVANC, ESSO, IVL, SCGP, SCCC, AMATA, KWC, BBGI, KTB-P และ THAI ซึ่งก็มีทั้งหุ้นที่ก.คลังถือหุ้นหลัก รวมทั้งหุ้นปกติทั่วไปด้วยเช่นกัน (ไม่ได้จำกัดว่าต้องลงทุนในหุ้นภาครัฐเท่านั้น)
.
ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (ณ วันที่ 21 ก.พ. 23) หุ้นในพอร์ตทั้ง 16 ตัว (ไม่รวม KTB-P, THAI) นั้น แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
.
-กลุ่มหุ้นผลตอบแทน “เป็นบวก’ คิดเป็น 36% มี 5 ตัว ได้แก่ BCP +9.52%, ADVANC +7.18%, SCCC +4.89%, KWC +2.04 และ BBGI +5.74%
.
-กลุ่มหุ้นผลตอบแทน ‘ติดลบ’ คิดเป็น 64% มี 9 ตัว ได้แก่ PTT -0.75%, SCB -6.07%, TTB -0.71%, KTB -2.82%, AOT -2.67%, ESSO -27.78%, IVL -4.91%, SCGP -8.33% และ AMATA -5.16%”
.
“โดยมีหุ้น 12 ตัว ที่ ‘จ่ายปันผล’ ได้ มีอัตราเงินปันผล 12 เดือนล่าสุดเฉลี่ย 4.04% ซึ่งถือว่าดีกว่าอัตราเงินปันผลของตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันที่ 2.45%”
.
จะเห็นว่าพอร์ตหุ้นของ “กองทุนวายุภักษ์1” เองนั้น แม้จะมีหุ้นที่กระทรวงการคลังถือเป็นหลักบ้าง แต่ก็มีการ “กระจายความเสี่ยง” ไปยังหุ้นต่างอุตสาหกรรมกัน ซึ่งถือเป็นแนวทางให้นักลงทุนทั่วไปสามารถประยุกต์ใช้ได้เป็นอย่างดี มองการลงทุนเป็น Portfolio ไปเพื่อตอบโจทย์การลงทุนเป็นสำคัญ ส่วนในอนาคตภาครัฐ มีแผนจะต่อยอดเปิดโอกาสให้นักลงทุนทั่วไปได้มีโอกาสร่วมลงทุนอีกครั้งหรือไม่นั้น ณ ปัจจุบันยังไม่มีแผนจากภาครัฐแต่ประการใด
