2 บริษัทยักษ์ใหญ่เจ้าของ “นิคมอุตสาหกรรม”
กำลังจะเติบโตโดดเด่น รับต่างชาติแห่ซื้อที่ดิน
.
ประเทศไทยถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ผู้ประกอบการต่างชาติในหลากหลายหมวดอุตสาหกรรมนำเม็ดเงินลงทุนเข้ามาขยายฐานการผลิตหรือเป็นจุดเริ่มต้นในการตั้งฐานการผลิตเพื่อเข้ามาทำตลาดในภูมิภาค จึงทำให้ภาครัฐมีการออกนโยบายต่างๆเข้ามาเพื่อดึงและชักชวนผู้ประกอบการเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
.
ในล่าสุดนี้ทางการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ก็ได้ทำการนำเสนอข้อมูลให้แก่นักลงทุนและผู้ประกอบการในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งจุดที่น่าสนใจก็คือมีนักลงทุนที่น่าสนใจจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มเติม แต่ปัจจัยดังกล่าวจะเป็นจุดที่ประโยชน์ให้แก่บริษัทจดทะเบียนไทยมากน้อยเพียงใด ทาง Wealthy Thai จะพาไปดูกัน
.
โดยบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า กนอ.ได้เปิดเผยภาพรวมจากการเดินทางไปโรดโชว์ที่เกาหลีใต้ มีนักลงทุน 4 รายสนใจลงทุนในนิคมฯ ประกอบไปด้วย ผู้ประกอบกิจการรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าและรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า, ผู้ผลิตกระจกรถยนต์แบบกันฝ้า, ผู้ประกอบกิจการเครื่องมือแพทย์ และผู้ประกอบการกิจการอะไหล่ยานยนต์ เม็ดเงินลงทุนรวม 2 พันล้านบาท มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อกลุ่มนิคม ประกอบไปด้วย AMATA และ WHA
.
ขณะที่พื้นฐานของธุรกิจรายตัวเริ่มกันที่ AMATA บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า กำไรปี 2566 ที่ 1.97 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 118% หนุนโดยยอดขายและยอดโอนที่เพิ่มขึ้นเป็น 1.6 พันไร่ และ 836 ไร่ จากจีนย้ายฐานการผลิตมาภาคพื้น SEA มากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และPCB
.
ขณะเดียวกันมีแพคเกจสนับสนุนต่างๆที่เหมาะสม โดยเฉพาะอุตสาหกรรม EV และบริษัทมีพื้นที่รองรับการขายที่สูง และอยู่ระหว่างการพัฒนา ทั้งในชลบุรีและระยอง ถึง 1.3 หมื่นไร่ รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรจากกิจการไฟฟ้าจะปรับตัวดีขึ้น 74% จากปีก่อนตามปริมาณการขายไฟและค่า Ft ที่เพิ่มขึ้น ดังนี้ จึงให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 30 บาท
.
ด้าน WHA บทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้มุมมองว่า กำไรในไตรมาส 2/66 จะเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามการฟื้นตัวของภาคการผลิตและเม็ดเงินการลงทุนที่เข้ามา ขณะที่ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากเป็นโลว์ซีซั่นของการโอนที่ดิน
.
แต่อย่างไรก็คาดกำไรในปี 2566 จะอยู่ที่ 3.96 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 7.6% รับผลบวกจากการย้ายและการตั้งฐานการผลิตนอกประเทศจีน ส่งผลให้ความต้องการที่ดินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ธุรกิจสาธารณูปโภคในปีนี้จะเติบโตโดดเด่น10-15% จากปีก่อนหน้า ตามการปรับขึ้นราคาขายน้ำและปริมาณความต้องการน้ำที่กลับสู่ระดับปกติ
.
ส่วนปัจจัยหนุนเพิ่มเติม ได้แก่ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์หนุนการเคลื่อนย้ายและกระจายฐานการผลิตมายังไทยและเวียดนามอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จากปัจจัยข้างต้นเรายังคงให้คำแนะนำ “ซื้อ” และกำหนดราคาเป้าหมายที่ 4.80 บาท
