ห้องเม่าปีกเหล็ก

เอเซียพลัส วิเคราะห์ หุ้นบริษัทรายกลุ่ม กับผลกระทบ กรณีเมียนมา เบรกจ่ายหนี้

โดย บุปผาวดี
เผยแพร่ :
66 views
เอเซียพลัส วิเคราะห์ หุ้นบริษัทรายกลุ่ม กับผลกระทบ
???????? กรณีเมียนมา เบรกจ่ายหนี้ ✋️
 
 
 
 
ฝ่ายวิจัย ASPS ได้ทำการรวบรวมข้อมูลจากนักวิเคราะห์พื้นฐาน ว่ามีหุ้นอะไรที่ธุรกิจได้รับผลกระทบ “กรณีเมียนมา สั่งห้ามจ่ายหนี้ต่างประเทศ” มีรายละเอียดรายกลุ่มและรายบริษัทดังนี้
 
⚒ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง :
 
#SCC มีรายได้จากธุรกิจปูนซีเมนต์ในเมียนมา คิดเป็น 0.7% ของรายได้รวม ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากพม่าน่าจะลดลงจนแทบไม่มีนัยสําคัญต่อ SCC
 
????กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง :
 
#ITD มีการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย โดยใช้เงินลงทุนไปแล้ว 7,843.6 ล้านบาท และได้ถูกรัฐบาลเมียนมายกเลิกสัมปทานตั้งแต่ 30 ธ.ค 63 โดยที่ ITD ยังไม่ได้มีการตั้งสํารองด้อยค่าโครงการดังกล่าว เพราะยังมีความมั่นใจว่าจะสามารถเจรจากับรัฐบาลพม่าได้
#NWR มีลูกหนี้ค่าก่อสร้างโรงแรมในพม่าคงค้างอีกประมาณ 191 ล้านบาท ซึ่งลูกหนี้จะทยอยชําระคืนเงินแก่ NWR ตั้งแต่ ธ.ค 2565 ถึง ธ.ค 2579 ตาม Projection กระแสเงินสดของโรงแรมดังกล่าวในอนาคต โดยปี 2565 มีกําหนดชําระหนี้ 5 ล้านบาท
#TTCL มีการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้า ถือหุ้น 40% ในโรงไฟฟ้า Ahlone#1 ขนาด 120MW และรับส่วนแบ่งกําไรจากโรงไฟฟ้า Ahlone#1 ประมาณ 100 ล้านบาท/ปี และอยู่ระหว่างการลงทุนโรงไฟฟ้า Ahlone#2 ขนาด 388MW โดยได้รับ PPA จากรัฐบาลพม่าตั้งแต่ปี 2564 แต่ปัจจุบันยังไม่สามารถหาแหล่งเงินกู้ได้
#SEAFCO มีบริษัทลูกในเมียนมาคือ SEAFCO (Myanmar) ถือหุ้น 80% ปัจจุบันไม่มีการรับงานในพม่าแล้ว โดยมีเครื่องจักรทําเสาเข็ม 3 ชุด รถเครน 4 คัน และรถแบ็ดโฮ ที่รอขายหรือนํากลับประเทศไทย
 
????กลุ่มเครื่องดื่ม :
 
#OSP พิจารณายอดขายปี 2554 ราว 2.7 หมื่นล้านบาท มีสัดส่วนยอดขายจากต่างประเทศประมาณ 4.3 พันล้านบาท (16% ของยอดขาย,+17% YoY) ส่วนใหญ่มาจากเมียนมา ประเมินยอดขายจากเมียนมาร์อยู่ในระดับ 10% ของยอดขาย ซึ่งส่วนนี้หลักๆ แล้วขายเป็นสกุลเงินเมียนมา ผ่าน บ.ย่อยในเมียนมา (OSP ถือหุ้นรวมกัน 85%) จึงมองผลกระทบในส่วนของยอดขายจากการมาตรการของธนาคารกลางเมียนมา ค่อนข้างจํากัด
OSP มีเงินกู้ยืมสกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ ผ่าน บ. ร่วม (2 บริษัท ถือหุ้น 35% ในโรงงานผลิตขวดแก้ว และ 51.8% ธุรกิจจําหน่ายขวดแก้ว) ในเมียนมา บ. ร่วม มีภาระหนี้ประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเป็นการกู้ยืมจากสถาบันการเงินไทย (ชําระเงินกู้ครั้งเดียวในอีก 7 ปีข้างหน้า) OSP อยู่ระหว่างบริหารจัดการภาระดอกเบี้ยจ่ายส่วนนี้เพื่อให้เกิดความเหมาะสมมากสุด ผ่านการเจรจากับสถาบันการเงิน
#CBG โครงสร้างรายได้ปี 2564 ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท ราว 33% มาจากการส่งออกไปยัง CLMV แต่โครงสร้างการขายมาจากกัมพูชาเป็นหลัก จึงคาดว่ายอดขายจากเมียนมาร์จะอยู่ในระดับประมาณ 10% ของยอดขาย
 
???? กลุ่มธนาคารและการเงิน :
 
#AEONTS ได้รับผลกระทบจํากัด เพราะหลังจากรัฐประหารในเมียนมา เมื่อก.พ.64 AEONTS ได้หยุดปล่อยสินเชื่อในเมียนมาแล้ว จนปัจจุบันแทบไม่มีสินเชื่อคงค้างในพม่าแล้ว
 
⚡️ กลุ่มพลังงาน :
 
#PTTEP มีโครงการในเมียนมา อาทิ ซอติก้า, ยาดานา และ เยตากุน เป็นต้น แต่ไม่มีรายการเงินกู้ต่างประเทศสําหรับโครงการในเมียนมา จึงไม่มีผลกระทบต่อบริษัท ด้านรายรับ PTTEP รับเงินจาก PTT โดยตรงเป็น USD เข้าบัญชีในประเทศไทย
 
⚙️ กลุ่มชิ้นส่วน :
 
#DELTA มีโรงงานอยู่ในประเทศเมียนมา พื้นที่การผลิต 4.5 พันตารางเมตร หรือคิดเป็น 2% โดยโรงงานดังกล่าวผลิตชิ้นส่วนขั้นกลาง แล้วส่งมาประกอบต่อในไทยเป็นหลัก จึงประเมินว่าจะได้รับผลกระทบจํากัด เพราะไม่ได้มีรายได้จากการขายภายนอก

บุปผาวดี