นับตั้งแต่ 13 พ.ค.65 จนถึงปัจจุบัน กินระยะเวลากว่ากว่า 3 สัปดาห์ สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกฟื้นตัว หุ้นสหรัฐ ยุโรป เอเชีย รวมถึง SET Index ล้วนฟื้นตัวกันหมด นอกจากนั้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลทั่วโลกเริ่มอ่อนตัว และอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างๆพลิกกลับมาแข็งค่าต่อเนื่องเช่นเดียวกัน
.
ดูเหมือนว่านักลงทุนจะมีความกังวลเศรษฐกิจถดถอย (Recession Economic) ลดน้อยลง กระแสเงินไหลกลับเข้าสู่สินทรัพย์ต่างๆอีกครั้ง หลังจากที่เกิดสภาวะขายทุกอย่าง (Sell Off) ในทุกๆสินทรัพย์ช่วง กลาง เม.ย. - กลาง พ.ค.65
.
Goldman Sachs ให้นิยามเหตุการณ์นี้ว่า “There Is No Alternative” to equities (TINA) หรือไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหุ้น กล่าวคือ แม้ว่าตลาดจะมีความกลัวเศรษฐกิจถดถอย แต่ไม่ว่าอย่างไร ภายใต้สถานการณ์ดอกเบี้ยที่ยังต่ำแบบนี้ ทางเลือกในการลงทุนที่ดีที่สุดก็ยังคงเป็นหุ้นอยู่ดี จะถือเงินสดฝากธนาคารก็ได้ดอกเบี้ยไม่คุ้มกับที่โดนเงินเฟ้อ ดังนั้นเมื่อหุ้นปรับลงมาได้ระดับหนึ่ง เงินจึงไหลกลับเพราะมันคุ้มกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
.
กระนั้น Goldman Sachs มีการกำกับว่า การกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงก็ใช่ว่าจะดีทุกอย่าง ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น และความกลัวเศรษฐกิจถดถอยที่ยังคงมีอยู่ การลงทุนจึงควรปรับจาก TINA เป็น TARA หรือ “There Are Reasonable” to stocks
.
หมายถึงถ้าจะลงทุนในหุ้นควรเน้นการลงทุนที่หุ้นที่จะอยู่รอดปลอดภัยบนความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย คือ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเงินเฟ้อ กลุ่มพลังงาน สาธารณูปโภค กลุ่มสินค้าและบริการที่จำเป็น
.
Goldman Sachs เชื่อว่าโอกาสการเกิด Recession มันไม่ง่ายนัก เนื่องจากยังมีหนทางในการหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะจากทาง Fed หากมีสัญญาณเศรษฐกิจถดถอยจริง มันก็มีความเป็นไปได้ที่ Fed จะปรับเปลี่ยนนโยบายผ่อนคลายการเงิน และลดดอกเบี้ยลงอีกครั้งได้
.
ดังนั้นหากตลาดจะมีความกลัว Recession เกิดขึ้นอีกครั้ง มันจึงเป็นโอกาสในการ Buy on Dip
.
อีกด้านหนึ่ง Dawn Fitzpatrick CEO ของ Soros Fund Management ได้ออกมากล่าวว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ GDP สหรัฐติดลบ (US GDP 1Q2022 -1.5% QoQ) เกิดจากการนำเข้าที่มากกว่าส่งออก มันทำให้ตัวเลขส่งออกหักออกด้วยน้ำเข้าติดลบ มันอาจดูเป็นเรื่องที่แย่ แต่หากมองอีกด้านคือ ความต้องการของผู้บริโภคนั้นแข็งแกร่ง หากมองที่บรรทัดสุดท้ายของ GDP แน่นอนว่ามันดูเหมือนว่าสภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยง (Recession is inevitable) แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าตลาดจะให้ความสำคัญกับอะไร
.
จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็น Goldman Sachs หรือ Soros Fund Management จะไม่กลัวสภาวะเศรษฐกิจถดถอยกันแล้ว และพร้อมที่จะเข้าซื้อหากตลาดหุ้นมีการปรับลงมาอีก ซึ่งมันก็มีโอกาสไม่น้อยที่เดือน มิ.ย.65 ตลาดจะลดความร้อนแรงและถอยลงมาอีกครั้ง
.
เดือน มิ.ย.65 จะเป็นเดือนที่มีการประชุมของธนาคารกลางของประเทศหลักๆเช่น ธนาคารกลางแคนาดา (1 มิ.ย.) ธนาคารกลางยุโรป (9 มิ.ย.) ธนาคารกลางสหรัฐ (15 มิ.ย.) ธนาคารกลางอังกฤษ (16 มิ.ย.) ธนาคารกลางญี่ปุ่น (17 มิ.ย.)
.
ด้วยทิศทางเงินเฟ้อที่อาจพุ่งขึ้นอีกระลอกจากแรงขับของราคาน้ำมันและราคาอาหารที่ยังทะยานขึ้นไม่หยุด ความกังวลต่อผลการประชุมธนาคารจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงครึ่งแรกของ มิ.ย. โดยเฉพาะธนาคารกลางยุโรป (ECB) กำลังถูกกดดันจากรายงานเงินเฟ้อเดือน พ.ค.65 พุ่งถึง 8.1% ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ ECB จะเริ่มส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ย และแผนการปรับลดขนนาดงบดุลออกมาในการประชุมเดือน มิ.ย.
.
ส่วนการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC Meeting) แม้ตอนนี้ตลาดจะเชื่อว่าไม่น่ามีอะไรไปกว่าที่เคยส่งสัญญาณออกมาคือ การขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% และการทำ QT 4.75 หมื่นล้านเหรียญต่อเดือน แต่หากการรายงานเงินเฟ้อในวันที่ 10 มิ.ย.65 ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ 8.1% คาดว่าจะทำให้ตลาดกลับมากังวลเรื่องเงินเฟ้อและท่าทีของ Fed ส่งผลหใสินทรัพย์ที่กำลังฟื้นตัวมาได้ดีๆตั้งแต่กลาง พ.ค.65 อาจจะเริ่มหักหัวและปรับลดลงอีกครั้ง
.
ประกิต สิริวัฒนเกตุ
