สัปดาห์ก่อน นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ได้ออกมาประกาศถึงแนวโน้มการเติบโตของบริษัทในช่วง5 ปีข้างหน้า โดยแสดงความมั่นใจว่า รายได้จะเติบโตเฉลี่ยปีละ25% จากปัจจุบันที่มีรายได้ปีละประมาณ 10,000 ล้านบาท
การประกาศถึงอนาคตการดำเนินการที่สดใส จะไม่เกิดขึ้นเฉพาะ BTS เท่านั้น แต่บริษัทในเครือ ประกอบด้วย บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ U และ บริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ซึ่ง BTS ถือหุ้นใหญ่จะก้าวไปพร้อมกัน โดยนายคีรีกำหนดแผนทางธุรกิจของแต่ละบริษัทไว้แล้ว
วันนี้BTS เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี อนาคตสดใส พร้อมเข้าประมูลระบบขนส่งมวลชนทุกโครงการ แม้จะเป็นโครงการลงทุนหลายแสนล้านบาทก็ตาม โดยมีพันธมิตรมากมายที่พร้อมจะร่วมลุย
ส่วนVGI ที่ดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านและธุรกิจบริการด้านดิจิทัล สามารถสร้างผลกำไรได้ต่อเนื่อง จ่ายเงินปันผลผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ
มีเพียง U ที่ดำเนินธุรกิจด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น ที่ผลประกอบการยังย่ำแย่ ขาดทุนหลายปีติดต่อ แต่นายคีรียืนยันว่า ปีนี้ผลประกอบการจะฟื้นตัวกลับ
จากเจ้ามือหุ้นตี๋ย้งที่แทบตกอยู่ในสภาพสิ้นไร้ไม้ตอก ไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง เมื่อประมาณ 20 ปีก่อน แต่ปัจจุบัน
นายคีรีก้าวขึ้นมาอยู่ในฐานะ เจ้าพ่อรถไฟฟ้าอย่างเต็มตัวความภาคภูมิแล้ว หลังจากฟันฝ่ามรสุมเศรษฐกิจปี 2540 จนรอดมาได้
BTS เปลี่ยนชื่อจาก บริษัท ธนายง จำกัด (มหาชน) หรือ TYONG หรือหุ้นตี๋ย้ง ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2553
TYONG เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2534 หลังจากนำหุ้นเสนอขายนักลงทุนในราคา133 บาท จากพาร์ 10 บาท และเป็นหุ้นร้อน เก็งกำไรกันสนั่นหวั่นไหว ราคาเคยพุ่งขึ้นไปสูงสุดที่ 544 บาท เมื่อวัน 19 มิถุนายน 2534 ก่อนปรับฐานลง จนวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540
บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบอย่างหนัก รวมทั้ง TYONGซึ่งมีปัญหาด้านฐานะทางการเงิน จนต้องเข้าฟื้นฟูกิจการ โดยราคาปิดครั้งสุดท้ายอยู่ที่ 1 บาท ก่อนถูกพักการซื้อขายวันที่ 7 กันยายน 2545
หลังจากสามารถฟื้นฟูกิจการสำเร็จ หุ้นกลับมาซื้อขายใหม่ภายใต้ชื่อ BTS และกลับมาเป็นหุ้นเก็งกำไรยอดนิยมอีกครั้ง เพียงแต่ความเคลื่อนไหวของราคาไม่หวือหวาเหมือนยุคที่เป็นหุ้น “ตี๋ย้ง”
นายคีรีเคยเล่นเกมพิสดารกับหุ้นตี๋ย้ง ประกาศทำรายการ แชร์แมนเดทเป็นครั้งแรก โดยออกหุ้นเพิ่มทุน แลกกับหุ้นของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง เช่น หุ้นบริษัทเงินทุน เอกธนกิจ จำกัด หรือFIN-1 ของนายปิ่น จักกะพาก หุ้นธนาคารไทยทนุ ซึ่งถูกสั่งปิดแล้ว และหุ้นบริษัท โรงแรมราชดำริ หรือ โรงแรมโฟร์ซีซันในปัจจุบัน
แต่ตลาดหลักทรัพย์ ฯ ไม่อนุมัติแผนการแลกหุ้นของนายคีรี และประกาศห้ามบริษัทจดทะเบียนทำรายการแชร์แมนเดท จึงมีเพียง TYONG ริเริ่มเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียว แต่ไม่ได้รับการอนุมัติ
หุ้นตี๋ย้ง ทำให้นักลงทุนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก แต่เมื่อกลับมาแจ้งเกิดใหม่ในชื่อ BTS หุ้นตัวนี้ยังไม่มีประวัติทำให้ใครต้องบาดเจ็บหนัก
แต่เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ ผลดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง ปันผลดี แนวโน้มผลดำเนินงานสดใส
ยามที่รุ่งเรืองสุดขีด สมัยที่ยังเป็นหุ้นตี๋ย้ง จำนวนผู้ถือหุ้นมีเพียงระดับพันราย แต่ปัจจุบัน BTS มีผู้ถือหุ้นจำนวนกว่า 79,295 รายขณะที่ U มีผู้ถือหุ้น 29,449ราย และ VGI มีผู้ถือหุ้นจำนวนถึง 10,281ราย รวมจำนวนผู้ถือหุ้นในกลุ่ม BTS มีจำนวนทั้งสิ้น119,025 ราย
ยังไม่นับรวมผู้ถือหุ้น บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG จำนวน 4,776 ราย ซึ่ง U เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 และ BTS ส่งตัวแทนเข้าร่วมเป็นกรรมการบริษัท
ย้อนหลังไปเกือบ30 ปีก่อน นักลงทุนนับพันราย เคยฝากชะตากรรมไว้ภายใต้กำมือของนายคีรี แต่ทุกคนแทบต้องสิ้นเนื้อประดาตัว
วันนี้นักลงทุนจำนวน119,025 ราย กำลังฝากชะตากรรมไว้กับ BTS อีกครั้ง ภายใต้ความหวังว่า คีรี กาญจนพาสน์ จะไม่ทำให้ถือหุ้นต้องผิดหวังซ้ำสอง ซ้ำรอยหุ้นตี๋ย้งในอดีต
หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก คอลัมน์ " ชุมชนคนหุ้น " โดย สุนันท์ ศรีจันทรา ใน MGR ONLINE วันที่ 30 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2561
2) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com