คิดเป็นเห็นก่อน

EARTH ฟ้อง ธนชาต..ธนชาตฟ้องกลับ?

สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยที่ขยับขึ้นบ้างลงบ้าง นักลงทุนส่วนใหญ่ยังเน้นการเก็งกำไรระยะสั้นๆ โดยมองไปที่หุ้นรายตัว โดยเฉพาะตัวที่มีแนวโน้ม มีกระแสข่าว หรือนักวิเคราะห์คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/60 นี้จะออกมาดีก็จะมีการเข้าไปร่วมวงไพบูลย์กัน

ช่วงนี้ผลประกอบการไตรมาส 2/60 กำลังมีการประกาศกันออกมาเพิ่มขึ้นก่อนเส้นตายวันสุดท้าย 16 สค.นี้  ส่วนผลประกอบการที่ประกาศออกมาจะเป็นสิ่งบ่งบอกถึงความน่าสนใจของบริษัทหรือธุรกิจนั้นๆแค่ไหนในอนาคต ส่วนราคาจะมีการผลักดันกันจนสูงเกินกว่างบฯที่จะออกมาหรือไม่ ก็ต้องพิจารณากันอีกที เพราะหากงบฯออกแล้วราคาขึ้นมารออาจเกิดการ  Sell on Fact ได้ก็ระมัดระวังกันหน่อยอย่าไปเผลอไล่ราคากันจนลืมดูพื้นฐานที่แท้จริงกันนะครับ

กลับมาร้อนแรงอีกครั้งสำหรับกรณีหุ้น EARTH หลังทางผู้บริหารมีการชี้แจงผ่านสื่อว่าได้มีการยื่นต่อศาลฟ้อง ธนาคารธนชาต เรียกค่าเสียหายมูลค่า 60,000 ล้านบาท เหตุกระทำผิด โดยการนำข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินของ EARTH ไปเปิดเผยต่อ ธนาคารกรุงไทย จนเป็นเหตุให้ถูกอายัดเงิน ทำให้วันนี้ธุรกิจเดินต่อไม่ได้และผู้บริหารมีสิทธิโดนฟ้องคดีอาญาเพราะเช็คเด้งจากการถูกอายัดเงิน

ล่าสุดทาง ธนาคารธนชาต เองก็ออกมาชี้แจงข้อกล่าวหาของ EARTH นั้น เป็นข้อกล่าวหาที่ปราศจากข้อเท็จจริง เพราะธนาคารฯ ไม่ได้มีพฤติกรรมอย่างที่ถูกกล่าวหา ธนาคารฯ ยืนยันมีนโยบาย ขั้นตอน วิธีการที่ชัดเจน และเข้มงวด ด้วยมาตรฐานระดับสูง ในการดูแลรักษาความลับของลูกค้า ทั้งนี้ ธนาคารฯ ไม่ได้เป็นคู่กรณีหรือปล่อยกู้ให้กับ EARTH ธนาคารฯ เป็นเพียงผู้รับฝากเงินของ EARTH เท่านั้น และธนาคารฯ อายัดบัญชีเงินฝากของ EARTH เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของศาล นอกจากนี้ธนาคารเตรียมฟ้องกลับ EARTH เช่นกัน

จากกรณีที่เกิดขึ้นคงต้องไปว่ากันถึงข้อเท็จจริงในชั้นศาลครับว่า ฝ่ายใดเป็นผู้กระทำความผิด เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นคงจะมีความกระจ่างชัดเจนขึ้น เมื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล ธนาคารทำผิดกฎหมายในการเปิดเผยข้อมูลความลับลูกค้าหรือไม่  ส่วน EARTH ข้อมูลที่อ้างว่าถูกเปิดเผยนั้นมีนัยสำคัญแค่ไหนขนาดที่เจ้าหนี้แบงก์กรุงไทยต้องขอคำสั่งศาลอายัดเงินดังกล่าว

สุดท้ายแล้วเรื่องราวจะจบลงแบบใดยังไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ๆคนที่ติดหุ้น EARTH อยู่คงต้องร้องเพลงรอต่อไป ก็ได้แต่หวังว่าเมื่อทุกอย่างจบลงและมีความชัดเจนผู้ถือหุ้นที่เป็นนักลงทุนทั่วไปจะเป็นฝ่ายที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด