นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เปิดเผยว่า เครือซีพีเตรียมพร้อมวางกลยุทธ์ธุรกิจรองรับหลังวิกฤตการระบาดของโควิด-19 โดยมีเป้าหมายหลักเร่งขยายธุรกิจในต่างประเทศและจับมือเป็นพันธมิตรกับผู้ประกอบการและธุรกิจอื่นๆในประเทศไทย
ทั้งนี้การระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19 ได้ทำให้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลกระทบเสียหายอย่างรุนแรงต่อธุรกิจเอสเอ็มอี ขณะเดียวกัน ก็สร้างบริษัทยักษ์ใหญ่ ในระดับนานาชาติจำนวนมาก การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจทั้งสองด้าน ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของไทยบนเวทีระดับโลก อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในประเทศ จากการที่ เอสเอ็มอีไทยอ่อนแอลง
สำหรับกลยุทธ์สำคัญที่เครือซีพีจะขับเคลื่อนธุรกิจประกอบไปด้วย หนึ่ง-เร่งครื่องการลงทุน, สอง-เร่งเครื่องการเดินหน้าบนเวทีโลก, สาม-ลดความซับซ้อนของโครงสร้างธุรกิจของเครือเพื่อเพิ่มความคล่องตัวและความรวดเร็วในการดำเนินธุรกิจ
และสี่-สร้างแพลตฟอร์มทางธุรกิจเพื่อขยายความร่วมมือกับธุรกิจ ผู้ประกอบการอื่นๆ ของไทย รวมถึงเกษตรกรจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงตลาดต่างประเทศ
“ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนแบบนี้ เราจะต้องไม่ชะลอการลงทุน ในทางกลับกัน ต้องเร่งแผนการลงทุนของธุรกิจต่างๆในเครือ โดยเดินหน้าลงทุนในโครงการใหม่ รวมถึงโครงการที่มีอยู่แล้ว เพื่อให้เกิดการสร้างงานและสร้างธุรกิจค้าขายดีลใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเอสเอ็มอีและเกษตรกรเล็กๆ รวมจำนวนมากกว่า 1.2 ล้านราย ซึ่งที่ผ่านมามีความร่วมมือทางธุรกิจกันอยู่แล้วทั้งทางตรงและทางอ้อม มีการใช้จ่ายของธุรกิจในเครือซีพีกระจายสู่หลายชุมชนและหลากหลายธุรกิจ ทุกขนาด รวมถึงเงินอีกเกือบ 2 พันล้านบาทที่บริจาคช่วยเหลือ ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการระบาดของโควิด”
ปัจจุบันเครือเจริญโภคภัณฑ์มี 14 กลุ่มธุรกิจ จำเป็นต้องปรับลดความซับซ้อนของโครงสร้างธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ด้วยเช่นกัน เพื่อให้การบริหารงานมีความคล่องตัว สิ่งที่สำคัญในการเตรียมพร้อมหลังวิกฤติโควิดคือ การก้าวไปข้างหน้าให้มากกว่าการเป็นผู้ผลิตสินค้าและการบริการ
อย่างไรก็ตามขณะนี้เตรียมสร้างแพลตฟอร์มส่งเสริมเอสเอ็มอี และผู้ประกอบการธุรกิจอื่นๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพ เปิดประตูไปสู่โอกาสใหม่ๆ สร้างการเติบโตทางธุรกิจทั้งในประเทศไทยและระดับโลก โดยเรียกว่า “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” ซึ่งอยู่ระหว่างพัฒนาระบบ เชื่อว่าจะทำให้ผู้ประกอบการ รวมถึงเกษตรกรเข้าถึงตลาดต่างประเทศได้โดยผ่านการทำงานร่วมกันกับบริษัทในเครือซีพี
“เมื่อบริษัทใดก็ตามในเครือซีพี ประสบความสำเร็จอย่างแข็งแรงในตลาดต่างประเทศได้แล้ว จะช่วยให้กลุ่มเอสเอ็มอี ไทยอีกนับสิบ นับร้อย หรือนับพัน ตลอดจนเกษตรกรและผู้ผลิตต่างๆ ให้สามารถเข้าถึงตลาดต่างประเทศได้เช่นเดียวกัน เป็นการปลดล็อคศักยภาพทางเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งจะช่วยนำความรุ่งเรืองมาสู่คนนับล้าน และในขณะเดียวกันก็เป็นการตอกย้ำเส้นทางการดำเนินธุรกิจของเครือซีพีในระดับสากล ผ่านแนวคิดแบบ Win-Win”
นายศุภชัย กล่าวว่า แนวทางของโมเดลธุรกิจที่เรียกว่า ‘แพลตฟอร์มแห่งโอกาส'นี้ เป็นแนวทางหนึ่งที่ดีที่สุดในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของประเทศในโลกยุคใหม่หลังเกิดโควิด เพราะเป็นการรวมพลังและระดมศักยภาพของเอสเอ็มอี หลายหมื่นรายและวิสาหกิจไทยอื่นๆ ออกไปสู้บนเวทีระดับโลกซึ่งสอดคล้องตามหลักการ ‘3 ประโยชน์’ ของเครือซีพี คือ คำนึงถึงการสร้างประโยชน์ให้กับประเทศที่เราเข้าไปดำเนินธุรกิจ สร้างประโยชน์ให้กับสังคม และสร้างประโยชน์ให้กับบริษัท
ที่มา โพสต์ทูเดย์