การกีดกันสินค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน :
1) วันที่ 6 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2561 : สหรัฐอเมริกาปรับขึ้นภาษี 25% จํานวน 34,000 ล้าน USD ส่วนจีนก็ตอบโต้ทันทีโดยปรับขึ้นภาษี 25%จํานวน 34,000 ล้าน USD
2) วันที่ 23 สิงหาคม ปี พ.ศ 2561 : สหรัฐอเมริกาปรับขึ้นภาษี 25% จํานวน 16,000 ล้าน USD ส่วนจีนก็ตอบโต้ทันทีโดยปรับขึ้นภาษี 25%จํานวน 16,000 ล้าน USD
3) วันที่ 24 กันยายน ปี พ.ศ 2561 : สหรัฐอเมริกาปรับขึ้นภาษี 10% จํานวน 200,000 ล้าน USD ส่วนจีนก็ตอบโต้ทันทีโดยปรับขึ้นภาษี 5 - 10%จํานวน 60,000 ล้าน USD
4) วันที่ 10 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2562 : สหรัฐอเมริกาปรับขึ้นภาษีจาก 10% เป็น 25% สําหรับสินค้าเดิมที่ปรับขึ้นเมื่อวันที่ 24 กันยายน ปี พ.ศ 2561 จํานวน 200,000 ล้าน USD
5) วันที่ 1 มิถุนายน ปี พ.ศ 2562 : จีนปรับขึ้นภาษีจาก 5 - 10% เป็น 25% สําหรับสินค้าเดิมที่ปรับขึ้นเมื่อวันที่ 24 กันยายน ปี พ.ศ 2561 จํานวน 60,000 ล้าน USD
6) สหรัฐอเมริกามีแผนที่จะปรับภาษีจาก 0% เป็น 25% จากสินค้าที่เหลืออยู่อีกจํานวน 325,000 ล้าน USD โดยจะทําประชาวิจารณ์ในวันที่ 17 มิถุนายน ปี พ.ศ 2562 แล้วจะไปเจรจากับจีนในการประชุม G-20 ที่กรุงโอซากา ประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 28 มิถานายน ปี พ.ศ 2562
สรุปแล้ว ณ.ปัจจุบัน สหรัฐอเมริกาปรับภาษีไปแล้ว 250,000 ล้าน USD ที่อัตรา 25% ส่วนจีนปรับไปแล้ว 110,000 ล้าน USD ที่อัตรา 25%
ถ้าสหรัฐอเมริกาปรับขึ้นไปอีก 325,000 ล้าน USD จะกลายเป็น 575,000 ล้าน USD ซึ่งเกินตัวเลขนําเข้าสินค้าจากจีนในปี พ.ศ 2561 = 575,000 - 539,500 = -35,500 ล้าน USD ส่วนจีนยังขาดตัวเลขนําเข้าสินค้าจากสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ 2561 = 120,300 - 110,000 = +10,300 ล้าน USD
ปี พ.ศ 2560 2,561
จีน 375,200 ( 67.93%) 419,200 ( 67.50%)
รวมทั้งหมด 552,300 621,000
หมายเหตุ : 1) ในปี พ.ศ 2561 จีนนําเข้าสินค้าจากสหรัฐอเมริกา 120,300 ล้าน USD ในขณะที่สหรัฐอเมริกานําเข้าสินค้าจากจีน 539,500 ล้าน USD ส่วนในปี พ.ศ 2560 จีนนําเข้าสินค้าจากสหรัฐอเมริกา 130.400 ล้าน USD ในขณะที่สหรัฐอเมริกานําเข้าสินค้าจากจีน 505,600 ล้าน USD
2) ที่มาจากข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม 2562 00:53:34 น.
3) สหรัฐอเมริกาทําสงครามการค้ากับจีนเพื่อสกัดกั้นจีนไม่ให้ครองโลกด้วยแผนการ " Made in China 2025 ", " One Belt - One Road " และ " Huaiwei's 5G rollout "
4) โปรดติดตามการ Long และ Short Set 50 Index Futuresในระยะยาวได้ใน longtunbysak.blogspot.com