ห้องเม่าปีกเหล็ก

มองหุ้นเด่น : HMPRO หุ้นพุ่งต่อ รับประเด็นกำไร Q2 ตามคาด แต่ Q4 ฟื้นตัวเด่นชัด

โดย คนเล่นหุ้น
เผยแพร่ :
79 views

มองหุ้นเด่น : HMPRO หุ้นพุ่งต่อ รับประเด็นกำไร Q2 ตามคาด แต่ Q4 ฟื้นตัวเด่นชัด

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

หุ้น HMPRO ช่วงนี้ราคาวิ่งร้อนแรง และเป็นประเด็นให้นักลงทุนได้พูดคุยกันถึงงบกำไร-ขาดทุน ไตรมาส 2/60 ที่กำลังจะประกาศว่าเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาด และ Q4 ซึ่งเศรษฐกิจของประเทศภาคการบริโภคจะฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน

 

ราคาหุ้นของ HMPRO ยังพุ่งต่อเนื่อง ล่าสุดปรับขึ้นไปแตะ 9.60 บาท สูงสุดนับตั้งแต่ 9.65 บาท เมื่อวันที่ 11 ก.ค.

 

HMPRO หรือ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ทำธุรกิจธุรกิจค้าปลีก โดยจำหน่ายสินค้าและให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง ตกแต่ง ต่อเติม ซ่อมแซม ปรับปรุง อาคาร บ้าน และที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร (One Stop Shpping Home Center) โดยใช้ชื่อ โฮมโปร (HomePro) เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ

 

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ระบุกำไรสุทธิไตรมาส 2/60 ของ HMPRO เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 14% จากงวดปีก่อน เป็น 1.13 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับที่ฝ่ายวิจัยคาด

 

คาดกำไรจะแข็งแกร่งขึ้นในไตรมาส 4/60 ซึ่งเป็นไฮซีซั่น จากคาดการอุปโภคบริโภคจะฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่ไตรมาส 3/60 คาดกำไรจะชะลอตัวลง ตามผลของฤดูกาลในช่วงหน้าฝน แต่ยังมีแนวโน้มเติบโตได้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากการขยายสาขา อัตรากำไรเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มสัดส่วนสินค้าทีมีอัตรากำไรสูง และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน

 

แนะนำ ซื้อ หุ้น HMPRO ในราคาเป้าหมาย 12.20 บาท โดยคาดกำไรสุทธิปีนี้เติบโต 11% เป็น 4.58 พันล้านบาท และยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว

 

ขอบคุณข้อมูลจาก set.or.th

 

บล.เออีซี คาดกำไรไตรมาส 3 ของ HMPRO โตจากงวดปีก่อน และเข้าไฮซีซั่นในไตรมาส 4 จากยอดขายสาขาเดิมครึ่งปีหลัง ที่คาดพลิกกลับเป็นบวกราว 1% เทียบปีก่อน และจากฐานปีก่อนที่ต่ำ รวมถึงกำลังซื้อที่คาดเริ่มว่าจะดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว หลังรัฐดูแลราคาพืชผลทางการเกษตรและเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน



ช่วงครึ่งหลังปีนี้ คาดเปิดโฮมโปรในกรุงเทพมหานคร 2 แห่ง, เมกาโฮมในต่างจังหวัด 3-4 แห่ง และมาเลเซียอีก 2-3 แห่ง ซึ่งคาดยังช่วยหนุนให้ปี 60 มีกำไรสุทธิ 4.55 พันล้านบาท โต 10.3% จากปีก่อน



ฝ่ายวิจัยแนะนำซื้อ หุ้น HMPRO หลังกำไรยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว และราคาหุ้นยังมี Upside 20% จากมูลค่าพื้นฐานปีนี้ ที่ 11.40 บาท พร้อมคาดให้ Dividend yield ปีนี้ราว 3.1%

 

นางสาวสุรีย์พร ทีวะสุเวทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะ"ซื้อ"หุ้น HMPRO โดยคาดว่ากำไรสุทธิในปี 60 จะอยู่ที่ระดับ 4,675 ล้านบาท เติบโต 13.3% จากปีก่อน ปัจจัยหนุนคือการเปิดสาขาใหม่ในประเทศ เป็นภายใต้แบรนด์โฮมโปร 2-3 สาขา และเมกาโฮม 3-4 สาขา รวมทั้งการเปิดสาขาใหม่ในมาเลเซียอีก 4 สาขา ส่วนสาขาเดิมคาดว่ายอดขายจะเติบโตไม่มาก

 

นอกจากนี้ การปรับมาขายสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ให้มีสัดส่วนมากขึ้นจะช่วยดันยอดขายและกำไรปีนี้ได้มาก โดยตั้งเป้าหมายสัดส่วนยอดขาย 20% จากปีก่อนมีสัดส่วน 18.7% โดยในไตรมาส 1/60 ทำได้ 19.1% และคาดว่า 3 ไตรมาสที่เหลือน่าจะทำได้ตามเป้าหมาย และจะช่วยทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้เพิ่มขึ้นมาที่ 25.8% จาก 25.5% ในปีก่อน

 

ส่วนแนวโน้มกำไรในไตรมาส 2/60 น่าจะทำกำไรได้ต่อเนื่องไตรมาส 1/60 แต่อาจจะอ่อนตัวลงเพราะเป็น Low Season ของธุรกิจ และจะกลับมาเติบโตทำจุดสูงสุดของปีในไตรมาส 4/60

 


ขอบคุณข้อมูลจากโปรแกรม Bisnews Professional

 

ด้านบทวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุว่ายอดขายสาขาเดิมของ HMPRO จะยังคงอ่อนตัวต่อเนื่องถึงไตรมาส 2/60 หลังยอดขายสาขาเดิมไตรมาส 1/60 ลดลงประมาณ 2.8% เพราะการจับจ่ายในต่างจังหวัดยังไม่ฟื้นตัว ดังนั้น จึงปรับลดประมาณการยอดขายสาขาเดิมปี 60 เป็นลดลง 0.4% จากเดิมคาดโต 1.9%

 

แต่อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มจะสูงกว่าคาด ไม่เพียงแต่อัตรากำไรขั้นต้นของสาขาโฮมโปรจะดีขึ้นจากมีการเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ แต่อัตรากำไรขั้นต้นของเมกาโฮมก็ยังจะดีขึ้นอีกด้วย หนุนโดยการประหยัดขนาดและอำนาจการต่อรองที่ดีขึ้น อีกทั้งอัตรากำไรขั้นต้นของสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ใหม่ของโฮมโปรยังสูงกว่าสินค้าเฮ้าส์แบรนด์เดิมอีกด้วย เนื่องจากคอนเส็ปต์สินค้าเฮ้าส์แบรนด์ใหม่คือการเน้นคุณภาพมากกว่าการเน้นราคาถูก ดังนั้น แม้สัดส่วนสินค้าเฮ้าส์แบรนด์จะอยู่ที่ 19% ในไตรมาส 1/60 ซึ่งต่ำกว่าในไตรมาส 1/59 ที่ 19.1% เล็กน้อย แต่อัตรากำไรขั้นต้นของ HMPRO น่าจะสูงกว่าประมาณ 1%

 

นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า HMPRO มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/60 เติบโตต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเติบโตสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ อย่างไรก็ตามคาดว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2/60 เติบโตอาจจะแผ่วลง ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล และเมื่อพิจารณาจากผลประกอบการสาขาในมาเลเซียก็ยังไม่ถึงจุดคุ้มทุน (Break event) ทั้งนี้ แนะ "Neutral" ราคาเป้าหมาย 10.30 บาท ซึ่งมี upside เพียง 8%

 

::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก อินโฟรเควส และ Efinance Thai


คนเล่นหุ้น