ห้องเม่าปีกเหล็ก

หุ้นปันผล vs หุ้นคุณค่า เลือกลงทุนยังไง ให้พอร์ตเติบโต

โดย looking
เผยแพร่ :
288 views

 

หุ้นปันผล vs หุ้นคุณค่า เลือกลงทุนยังไง ให้พอร์ตเติบโต ?


จังหวะนี้ ใครๆก็บอกว่าหุ้นไทยถู๊กถูก หุ้นดีๆที่เล็งไว้หลายตัวลดราคากระหน่ำ เป็นตลาดของผู้ซื้อจริงๆ หล่อเลือกได้ 😬

และในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 เป็นช่วงที่นักลงทุนต่างเลือกกลยุทธ์การลงทุนเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตการลงทุน แต่นักลงทุนบางคนก็อาจเลือกที่จะกระจายความเสี่ยงการลงทุนไปยังสินทรัพย์ต่าง ๆ

ว่าแต่ หากอยากที่จะกระจายความเสี่ยงไปยังหุ้นต่าง ๆ แบบนี้ในช่วงครึ่งปีหลังควรลงทุนกับหุ้นปันผล (Dividend Stock) หรือ หุ้นคุณค่า (Value stock) แบบไหนดีกว่ากันนะ ?

 

หุ้นปันผล เหมือน ออมเงินกินดอกเบี้ย ?

หุ้นปันผล ก็เปรียบเสมือนกับเราไปร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทนั้น ๆ และสัญญาว่าจะให้ “ดอกเบี้ย” หรือ “เงินปันผล” เป็นค่าตอบแทน ทั้งนี้อาจอยู่ในรูปแบบของเงินหรือหุ้นก็ได้

โดยส่วนใหญ่แล้วหุ้นปันผล มักเป็นหุ้นที่จ่ายค่าตอบแทนแก่นักลงทุนตาม “กำไร” ของบริษัท ยิ่งกำไรมากก็มีโอกาสที่บริษัทจะแบ่งปันผลให้สูง แต่หากมีกำไรน้อยบริษัทก็มีโอกาสแบ่งปันผลให้น้อยเช่นกัน

อ่าว .. ? แบบนี้ก็ลงเงินแล้วรอปันผล แบบเสือนอนกินได้เสมอไปเลยสิ ไม่เห็นต้องเสี่ยงอะไรเลย ?

หลายคนมักติดกับดักกับหุ้นปันผลแบบนี้เนื่องจากมองว่าเปรียบเสมือนการออมเงินในธนาคารและกินดอกเบี้ยไปเรื่อย ๆ แต่หุ้นปันผลไม่ได้ง่ายแบบนั้น

ยกตัวอย่างเช่น บริษัท A มีราคาหุ้น 12 บาทต่อหุ้น จ่ายปันผล 1.5 บาทต่อหุ้น หมายความว่ามี Dividend Yield เท่ากับ 12.5% ถือเป็นหุ้นที่ปันผลได้ดีตัวหนึ่งเลย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คู่แข่งมองเห็นโอกาสและเข้ามาชิงส่วนแบ่งการตลาด ส่งผลให้กำไรของบริษัทลดน้อยลง ส่งผลให้ปีต่อมาสามารถจ่ายปันผลได้เพียง 0.25 บาท นั่นหมายความว่าปีนี้บริษัท A จ่ายเงินปันผลได้เพียง 2.08% เท่านั้น

ทั้งนี้หุ้นปันผลมักจะดูความสม่ำเสมอของงบประมาณและกำไร รวมถึงเงินปันผล (Dividend Yield) เป็นหลักว่ามีความต่อเนื่องมากแค่ไหน

แน่นอนว่ายิ่งมีความต่อเนื่องกันหลัก 5-10 ปี ก็อาจหมายความได้ว่าหุ้นปันผลตัวนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้กันนะ

 

หุ้นคุณค่า เหมือน ลงทุนกับอนาคต ?

หุ้นคุณค่าเป็นหุ้นที่มีราคาซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง หรือหมายความว่ามูลค่ากิจการในปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าที่นักลงทุนมองว่าควรจะเป็น

หุ้นลักษณะนี้เรียกได้ว่า “หุ้นคุณค่า” หรือ “หุ้นที่เหมาะแก่การลงทุนเพื่ออนาคต”

ทั้งนี้เราก็มักจะพยายามหามูลค่าที่แท้จริงผ่านผลประกอบการของบริษัท กำไร และกระแสเงินสดที่หุ้นเหล่านั้นสามารถทำได้ในแต่ละไตรมาส หรือหากมองในระยะยาวหน่อยก็อาจจะมองเป็นรายปี

สิ่งนี้ยังรวมถึงส่วนแบ่งการตลาด ความสามารถ การอยู่รอดในอุตสาหกรรมเหล่านั้น และบางครั้งอาจรวมถึงกระแสที่ช่วยส่งเสริมให้หุ้นเหล่านั้นกลายเป็นหุ้นที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต เช่น Nvidia ที่เติบโตขึ้นตามกระแส AI ที่กำลังมาแรง หรือ Tesla ที่เติบโตขึ้นท่ามกลางความนิยมของ EV ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น

ไม่ใช่ว่าหุ้นคุณค่าจะเติบโตได้ 10x หรือ 20x เสมอไป เพราะบางทีแล้ว หากเราประเมินมูลค่าหุ้นเหล่านั้นผิดพลาดไป ก็อาจทำให้ “ขาดทุน” เป็นอย่างมากได้เช่นกัน รวมถึงการลงทุนหุ้นเหล่านี้ มักไม่มีปันผลให้ ดังนั้นการลงทุนกับหุ้นคุณค่า ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้ “ความเชื่อใจส่วนตัว” ล้วน ๆ

ดังนั้นหากกำลังมองหา หุ้นคุณค่า ที่ทำให้พอร์ตเติบโตในช่วงครึ่งปีหลัง อาจต้องเข้าใจถึงมูลค่ากิจการเหล่านั้นให้ดี รวมถึงอย่าลืมติดตามกระแสการลงทุนว่าเม็ดเงินจะไหลเข้าไปอุตสาหกรรมไหนมากกว่า (สิ่งเหล่านี้ล้วนสำคัญทั้งสิ้น)

ไม่ว่าการลงทุนของคุณจะเป็นสไตส์ไหนก็ตาม แต่ละวิธีการลงทุนก็ต่างมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นไม่ว่าจะเลือกการลงทุนแบบไหน สิ่งที่คุณต้องใช้ก็คือความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์ที่ผ่านมาควบคู่กันไป

หากกำลังเริ่มใหม่ก็คงต้องเริ่มหาประสบการณ์กันไปบ้าง แต่ถ้าเป็นมือเก๋าก็อย่าลืมทำความเข้าใจกับกิจากรของบริษัทเหล่านั้นให้ดี และไม่ว่าจะเป็นหุ้นคุณค่า หรือหุ้นปันผล แน่นอนว่าถ้าราคาคงที่หรือมีการเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ ก็คงดีต่อนักลงทุน

แต่ถ้าราคาหุ้นดิ่งกลับหัว ไม่ว่าจะปันผลมากแค่ไหนหรือเป็นหุ้นที่ดีแค่ไหน ก็คงต้องถือกันไปยาว ๆ รอวันฟื้นตัวเหมือนกัน

นอกจากการเลือกหุ้นให้ถูกเทรนด์ ถูกตัว และถูกจังหวะแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าก็คือ การลงทุนให้ตรงกับแนวถนัดของตัวเอง เรียกได้ว่า ควรมีความสุขทุกครั้งตอนส่องพอร์ต

ถนัดและพึงพอใจกับการลงทุนแบบไหน ศึกษาให้แน่นๆ แล้วเลือกลงทุนในแบบ “เราเอง”

 

 

 


looking