ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 715.80 จุด กังวลเงินเฟ้อ-ภาษีทรัมป์
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันศุกร์ (28 มี.ค.) โดยหุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง อะเมซอน (Amazon), ไมโครซอฟท์ (Microsoft) และหุ้นอื่น ๆ ถูกเทขายออกมา หลังจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอและเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ขณะที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เดินหน้าเก็บภาษีนำเข้า

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,583.90 จุด ลดลง 715.80 จุด หรือ -1.69%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,580.94 จุด ลดลง 112.37 จุด หรือ -1.97% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,322.99 จุด ลดลง 481.04 จุด หรือ -2.70%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลงประมาณ 1%, ดัชนี S&P500 ลดลง 1.5% และดัชนี Nasdaq ลดลง 2.6%
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปรับตัวลง โดยกลุ่มบริการสื่อสารร่วงลงมากที่สุด 3.81% ตามด้วยกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยที่ร่วงลง 3.27%
ตลาดร่วงลงหลังการเปิดเผยข้อมูลการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐฯ ในเดือนก.พ.ฟื้นตัวน้อยกว่าที่คาดไว้ ขณะที่ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 13 เดือน
นอกจากนี้ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนบ่งชี้ว่า การคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคในช่วง 12 เดือนข้างหน้าพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปีครึ่งในเดือนมี.ค. และผู้บริโภคคาดว่าเงินเฟ้อจะยังคงสูงต่อไปเกินกว่าหนึ่งปี
ข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่า การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาตรการภาษีจำนวนมากนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในเดือนม.ค. จะทำให้ราคาสินค้านำเข้าสูงขึ้น กระตุ้นเงินเฟ้อ และอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไม่สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้
ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและภาษีทำให้หุ้นของบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นแอปเปิ้ล (Apple) ร่วงลง 2.7%, หุ้นไมโครซอฟท์ร่วงลง 3% และหุ้นอะเมซอนร่วงลง 4.3%
ด้านสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยบ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาส 76% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเดือนมิ.ย.
หุ้นกลุ่มธนาคารที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยร่วงลง 2.3% ขณะที่ดัชนีความผันผวน (VIX) เพิ่มขึ้นเกือบ 3 จุด แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์
การที่ทรัมป์ยืนยันเดินหน้าเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์หน้า ยิ่งกดดันหุ้นกลุ่มยานยนต์เป็นวันที่สอง โดยหุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ (General Motors) ร่วงลง 1.1% และหุ้นฟอร์ด (Ford) ร่วง 1.8%
อย่างไรก็ตาม หุ้นบริษัทเหมืองแร่ได้รับแรงหนุนจากราคาทองคำที่สูงขึ้น โดยหุ้นฮาร์โมนี โกลด์ (Harmony Gold) พุ่งขึ้น 9.5% และหุ้นโกลด์ ฟิลด์ (Gold Fields) พุ่งขึ้น 4.5%
ขณะนี้นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่มาตรการภาษีรอบใหม่ที่รัฐบาลทรัมป์เตรียมประกาศในวันที่ 2 เม.ย.นี้ โดยล่าสุดทรัมป์ได้ส่งสัญญาณว่า มาตรการภาษีรอบใหม่นี้อาจแตกต่างจากมาตรการตอบโต้แบบเดิมที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้