ห้องเม่าปีกเหล็ก

หุ้นรับเหมาก่อสร้าง กำลังมีปัจจัยหนุน

โดย ฉลุย
เผยแพร่ :
416 views

หุ้นรับเหมาก่อสร้าง

กำลังมีปัจจัยหนุนจาก “เมกะโปรเจกต์”

.

ผ่านไปแล้วสำหรับการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ของไทย ทำให้มีการประเมินว่าต่อจากนี้ ภาครัฐจะมีการเร่งโครงการเมกะโปรเจกต์ ซึ่งจะเป็นผลต่อต่อหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ดังนั้น “โพยหุ้น” ประจำวันจันทร์ Wealthy Thai จึงได้มีมุมมองความน่าสนใจของหุ้นกลุ่มนี้มาฝากนักลงทุน

.

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เชื่อว่า ครม.ชุดใหม่และกระทรวงคมนาคม จะเริ่มเปิดตัวโครงการเมกะโปรเจ็กต์ใหม่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดว่าโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ใหม่จะมีการประมูลในช่วงไตรมาส 3/2566-4/2566 ผู้รับเหมางานโยธาจะลงนามในโครงการในระหว่างไตรมาส 4/2566-1/2567 เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการออกแบบและเวนคืนที่ดินเป็นเวลา 3 - 9 เดือนหลังจากผลการประมูล และเริ่มก่อสร้างได้ในครึ่งหลังของปี 2567

.

สำหรับโครงการที่อยู่ในแผน คาดว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะยื่นประมูลในช่วงไตรมาส 3/2566-2/2567 ได้แก่ 1. การเซ็นสัญญารถไฟฟ้าสายสีส้ม (มูลค่า 9.6 หมื่นล้านบาท โดย BEM เป็นผู้เสนอราคาต่ำที่สุด)

.

2.รถไฟรางคู่ 3 เส้นทาง ได้แก่ ขอนแก่น-หนองคาย (มูลค่า 2.66 หมื่นล้านบาท) ชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี (มูลค่า 3.75 หมื่นล้านบาท) และปากน้ำโพ-เด่นชัย (มูลค่า 6.28 หมื่นล้านบาท) 3. ส่วนต่อขยายเส้นทางมอเตอร์เวย์สายสีแดง (มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท) และเส้นทางมอเตอร์เวย์ M5, M8, M9

.

นอกจากนี้คาดการณ์ว่ากลุ่มบริการก่อสร้างจะมีแนวโน้มสดใสยิ่งขึ้นจากการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีที่ประสบความสำเร็จ คาดว่าผู้รับเหมางานโยธาอย่าง CK และ STEC จะได้ประโยชน์ก่อน เนื่องเป็นผู้ที่เข้าร่วมการประมูล ตามมาด้วยผู้รับเหมาช่วงงานตอกเสาเข็มอย่าง SEAFCO และ PYLON ซึ่งเป็นกลุ่มแรกที่เข้าสู่พื้นที่ก่อสร้าง

.

อย่างไรก็ตามคาดว่าการก่อสร้างโครงการเมกะโปรเจ็กต์ใหม่จะเริ่มขึ้นในครึ่งหลังของปี 2567 ซึ่งเป็นช่วง 9 เดือนข้างหน้า ผู้รับเหมางานตอกเสาเข็มที่มีอัตราการแปลง backlog เป็นรายได้อย่างรวดเร็วจะยังคงเผชิญกับข้อจำกัดด้านกำไรเป็นเวลา 2-3 ไตรมาส เนื่องจาก backlog ในปัจจุบันทำให้งานค้างอยู่ในระหว่างรอการก่อสร้างโครงการใหม่ที่จะเริ่มในครึ่งหลังของปี 2567

.

โดยคงมุมมองเชิงบวกต่อ 1. เสถียรภาพทางการเมืองที่มีแนวโน้มสูงขึ้น 2. นโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนธุรกิจที่กำลังจะมีขึ้น และ 3.การเร่งดำเนินการสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่รัฐบาลชุดใหม่เปิดตัวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

.

ดังนั้นยังคงชอบผู้รับเหมางานโยธามากกว่าผู้รับเหมางานตอกเสาเข็ม CK (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 30.25 บาท) ยังคงเป็นหุ้นเด่นของฝ่ายวิจัยเมื่อพิจารณาถึง backlog ที่สูงเป็นประวัติการณ์ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยรับประกันโมเมนตัมการเติบโตของกำไรเชิงบวก แต่ยังช่วยกระจายกำไรและป้องกันความเสี่ยงขาลงอีกด้วย นอกจากนี้ยังชอบ STEC ( ซื้อ ราคาเป้าหมาย 15.03 บาท) เนื่องจากเป็นหุ้น laggard

.

ขณะที่บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานหุ้นรับเหมารายอื่นอย่าง SEAFCO นักวิเคราะห์ค่ายเดียวกัน แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมายกลางปี 2567 ที่ 3.21 บาท เนื่องจากเชื่อว่าโมเมนตัมกำไรที่ดีของบริษัทฯ ในไตรมาสต่อๆ ไป น่าจะช่วยชดเชย backlog ที่ลดลงได้ อย่างไรก็ดีราคาหุ้นค่อนข้างเต็มมูลค่าแล้ว หากพิจารณาถึงจากมูลค่าตลาดและมูลค่าองค์กร (EV) ล่าสุดที่ 55% และ 54% ของระดับปี 2562 ขณะที่ประมาณการกำไรสุทธิปี 2566-67 คิดเป็น 32% และ 38% ของระดับก่อนเกิดโควิด-19

.

ส่วน PYLON สำนักวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด แนะนำ “ถือ” ด้วยมูลค่าที่เหมาะสมที่ 3.08 บาท โดย Backlog ในปัจจุบันของ PYLON (ไม่รวมรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน) อยู่ที่ 644.8 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดเล็กถึงขนาดกลางที่มีอัตรากำไรขั้นต้นไม่มากเนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรง

.

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าบริษัทจะสามารถดำเนินโครงการใหม่ได้ โดยเฉพาะในปี 67 เมื่อคาดว่าอุตสาหกรรมจะดีขึ้นเนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจได้รับทิศทางที่ชัดเจนยิ่งขึ้นจากรัฐบาลใหม่ การที่รัฐบาลเข้ามาทำงานควรจุดประกายให้เกิดการฟื้นตัวของการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน

 

 


ฉลุย