ห้องเม่าปีกเหล็ก

กลุ่มธนาคารเริ่มต้นปี 2566 ได้ค่อนข้างดี

โดย CUT
เผยแพร่ :
180 views

กลุ่มธนาคารเริ่มต้นปี 2566 ได้ค่อนข้างดี

 

คาดกำไรรวม 1Q66 จะเติบโต QoQ และ YoY

เราคาดว่ากำไรรวม 1Q66 ของธนาคารทั้ง 7 แห่งภายใต้การวิเคราะห์ของเราจะอยู่ที่ 4.22 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 13% QoQ และ 4% YoY การเติบโตของกำไรจะมีแรงหนุนจากอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลง QoQ และส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่สูงขึ้น YoY เราคาดว่าค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (credit cost) 1Q66 จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามหนี้เสีย (NPL) และ NIM จะลดลงเล็กน้อย QoQ จากผลกระทบของฤดูกาล

 

คาดสินเชื่อรวม 1Q66 ทรงตัว แต่ PPOP เพิ่มขึ้นจากอัตราส่วนต้นทุน/รายได้ที่ลดลง

หากอิงจากข้อมูลสินเชื่อรายเดือนของเราเดือน ม.ค.-ก.พ. เราคาดว่าสินเชื่อคงที่ใน 1Q66 จากการชำระคืนเงินกู้กลุ่มธุรกิจส่วนใหญ่จากสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งจะหักล้างการเติบโตของสินเชื่อรายย่อยที่เพิ่มขึ้น คาดสินเชื่อรวมของกลุ่มธนาคารจะอยู่ที่ 11.57 ล้านลบ. ใน 1Q66 อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองฯ (PPOP) จะเติบโต 6% QoQ และ 7.6% YoY เป็น 8.97 หมื่นลบ. หนุนจาก NIM ที่สูงขึ้น YoY จากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐานที่เพิ่มขึ้น และอัตราส่วนต้นทุน/รายได้ที่ลดลง QoQ จากผลกระทบตามฤดูกาล

 

ผลกระทบเชิงบวกจากการประชุม กนง.

คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25bps เป็น 1.75% เรามองเห็นผลกระทบเชิงบวกจากแถลงการณ์ของ กนง.ว่า

1) กนง.มีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไปในระยะอันใกล้นี้ ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้ และส่งผลดีต่อ NIM โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ซึ่งเราคาดว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะปรับขึ้นสำหรับ MLR และ MOR มากกว่า MRR

2) กนง.คาดว่า GDP ปี 2566-67 จะเติบโต 3.6%-3.8% หนุนโดยการเติบโตของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์และความกังวลด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่เริ่มผ่อนคลายลง

3) กนง.ปรับประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวขึ้นเป็น 28-35 ล้านคนในปี 2566-67 ซึ่งจะช่วยกระตุ้นรายได้จากลูกค้าที่อยู่ภายใต้มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของกลุ่มธนาคาร

4) อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะเริ่มอ่อนแอลงในปี 2566 ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันต่อความสามารถในการชำระหนี้ของสินเชื่อรายย่อย ขณะที่ยังมี upside risk ต่ออัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจาก pent-up cost ที่ส่งผ่านจากธุรกิจไปยังผู้บริโภค

5) กนง.มีมุมมองเช่นเดียวกับเราที่ว่าความไม่แน่นอนของสถาบันการเงินทั่วโลกจะส่งผลกระทบต่อระบบธนาคารพาณิชย์ของไทยในวงจำกัด เนื่องจากอัตราส่วน BIS ที่แข็งแกร่งของกลุ่มธุรกิจที่ 19.4% LCR ที่ 197% และอัตราสำรองหนี้สูญ (coverage ratio) ที่ 172% ในปี 2565 โดยมีธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับระบบธนาคารต่างประเทศในระดับที่ค่อนข้างต่ำ

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของไทย ได้แก่ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และวิกฤตของกลุ่มนาคารในสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป

มุมมอง KS : เราคงมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มธนาคาร

 

กลุ่มธนาคารจะเป็นกลุ่มหลักที่ได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และมูลค่าหุ้นยังคงอยู่ในระดับต่ำ อิงตาม PBV ของตลาดที่ 0.62 เท่า (-1.5SD) ซึ่งได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของภาคธนาคารโลกเท่านั้น

 


CUT