"ซานต้า แรลลี่" ความหวัง…ริบหรี่ หวั่นปัจจัยในประเทศ ทำลายบรรยากาศลงทุน

.
ปรากฎการณ์ "ซานต้า แรลลี่" หรือเป็นช่วงที่มีแม็ดเงินลงทุนไหลเข้าตลาดหุ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งในอดีตหุ้นที่ได้รับเม็ดเงินไหลเข้าจะเป็นหุ้นที่มีน้ำหนักของมาร์เก็ตแคปค่อนข้างสูงหรือเป็นหุ้นขนาดใหญ่ โดยปรากฎการณ์นี้มักจะเกิดขึ้นเป็นเวลา 7 วันทำการ โดยมีขึ้นในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปีปัจจุบัน รวมทั้ง 2 วันแรกของปีใหม่
.
แต่อย่างที่นักลงทุนทราบกันดีว่าภาพรวมของตลาดในปีนี้ค่อนข้างจะมีความแตกต่างออกไปจากปีก่อนๆ เนื่องจากปัจจัยกดดันที่ยังคงไม่ไปไหนอย่าง นโยบายอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นที่ยังส่งสัญญารความเข้มงวดอย่างต่อเนื่องและเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจที่เข้าสู่ภาวะถดถอย
.
ทำให้นักลงทุนหลายคนตั้งข้อสงสัยและคำถามขึ้นมาว่า ซานต้าในปีนี้จะเป็นการหอบเงินเข้าตลาดหุ้นหรือหอบเงินออกจากตลาดหุ้นกันแน่ ในวันนี้ทาง Wealthy Thai จึงได้ทำการรวบรวมมุมมองและความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญมาแบ่งปันให้แก่ผู้อ่านกัน
.
โดย นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบีเคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยกับ Wealthy Thai ว่า ปรากฎการณ์ "ซานต้า แรลลี่" ในปีนี้มียังคงโอกาสเกิดขึ้นได้แม้จะค่อนข้างริบหรี่ ด้วยปัจจัยความกังวลภายในประเทศอย่างการประกาศตัวเลขของภาคการส่งออกในช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคมที่มีแนวโน้มจะปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้า
.
ทั้งนี้คาดการณ์ว่าตัวเลขการส่งออกในเดือนพฤศจิกายนจะปรับตัวลดลง 15-20% และในเดือนธันวาคมจะปรับตัวลดลง 20-25% โดยการตัวเลขที่ปรับลดลงค่อนข้างแรง เนื่องจากภาพรวมการส่งออกในปีก่อนเป็นภาวะที่ไม่ปกติ หรือช่วงพีคหลังจากที่สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ได้คลี่คลายลงจึงทำให้ความต้องการปรับตัวขึ้นสูง
.
ขณะเดียวกันมีปัจจัยภายในประเทศที่ติดตามอย่างใกล้ เนื่องจากจะมีผลต่อการเม็ดเงินของภาคการโฆษณาในช่วงเทศกาลและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจบางอย่างให้ออกมาไม่ได้ตามความคาดหวัง ซึ่งจากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นก็เป็นปัจจัยที่กดดันตลาดในระยะสั้นและเป็นตัวทำลายบรรยากาศของซานต้า แรลลี่
.
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนที่น่าสนใจ แนะนำให้นักลงทุนซื้อสะสมในหุ้นกลุ่มพลังงาน ที่ได้รับประโยชน์จากค่า FT ที่รับตัวขึ้น และหุ้นกลุ่มพลังงานหมุนเวียนที่จะได้รับปรโยชน์จากกกพ.เตรียมรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรวมปริมาณรับซื้อประมาณ 5,200 เมกะวัตต์ ซึ่งหุ้นรายตัวที่แนะนำ ประกอบด้วย BGRIM ,GPSC ,GULF ,GUNKUL และ RATCH
.
ด้านบทวิเคราะห์จากบล.ธนชาต ให้มุมมองว่าด้วยเศรษฐกิจทั่วโลกที่ส่งสัญญาณชะลอตัว กังวลการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงต้นปีหน้าและแรงหนุนจากกองทุน LTF ที่หายไป ขณะที่เงินทุนจากกองทุน SSF/RMF อยู่ในทิศทางไหลออกจากตลาดหุ้นไทยเป็นส่วนใหญ่ จึงมองว่ามีโอกาสน้อยที่จะเกิดซานต้า แรลลี่ในปีนี้
.
แต่อย่างไรก็ดีหากพิจารณาในเชิง Earnings Yield Gap พบว่าปัจจุบันอยู่ที่ 3.91% สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 3.81% และมูลค่าของหุ้นหลายตัวราคายัง laggard เมื่อเทียบกับกำไรที่ฟื้นตัวแซงหน้าปี 2562 แล้ว โดยข้อมูลหุ้นที่ต่างชาติซื้อสะสมมากที่สุดในเดือนธ.ค. พบว่าส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่อิงกับการบริโภค-เปิดประเทศ และหุ้นที่มีมูลค่า “ไม่แพง”
.
โดยแม้ในปีหน้าอาจเจอแรงต้านจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่เศรษฐกิจไทยยังมีแรงส่งจากภาคท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศ จึงแนะนำ “ซื้อ” หุ้นที่มีสตอรี่การเติบโตที่ดีในอนาคต และมูลค่า “ไม่แพง” ประกอบไปด้วย ธีมการท่องเที่ยวและการบริโภค ด้วยแรงขับเคลื่อนหลักจากภาคการท่องเที่ยวที่เร่งฟื้นตัวและการบริโภคในประเทศ ซึ่งได้ประโยชน์จากมาตรการช้อปดีมีคืนที่จะเริ่มใช้ใน 1 ม.ค. 2566 แนะนำหุ้นเด่นเป็น BDMS ,CENTEL ,CRC ,COM7 และCPN
.
ถัดมา ธีมจีนเปิดประเทศการคลายเกณฑ์โควิดของจีนหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น แนะนำหุ้นเด่นเป็น AOT และ PSL และธีมหุ้น Laggard ซึ่งจะมีกลุ่มที่มีการเติบโตในปีหน้าสูงและราคาหุ้นอยู่ในโซนต่ำชอบ แนะนำหุ้นเด่นเป็น GLOBAL ,WHA ,M ,JMT และCK