อะไรจะเกิดขึ้นเมื่ออังกฤษ ออกจากอียู”ไร้ข้อตกลงเบรกซิท”
ประธานคณะกรรมาธิการฝ่ายบริการการเงินของสหภาพยุโรป (EU) เตือนว่า หากอังกฤษแยกตัวออกจาก EU โดยไม่มีการทำข้อตกลง Brexit ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะชะงักงันต่อระบบเศรษฐกิจและกระทบต่อสภาพคล่องในตลาดการเงิน
ถึงแม้ว่า EU ได้จัดเตรียมมาตรการฉุกเฉินหลายอย่างเพื่อรับมือไว้แล้ว ทั้งนี้ วอลดิส ดอมบรอฟสกี ประธานคณะกรรมาธิการฝ่ายบริการการเงินของ EU กล่าวอีกว่า แต่ก็จะไม่สามารถขจัดผลกระทบทั้งหมดทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดการชะงักงัน รวมทั้งผลกระทบอย่างมากกับสภาพคล่องในตลาดการเงิน
เนื่องจากความเสี่ยงที่อังกฤษจพต้องออกจาก EU อย่างไร้ข้อตกลง Brexit หลังจากวันที่ 12 เมษายนมีมากขึ้น ทำให้ทั้งธนาคารกลางยุโรป (ECB) และตลาดการเงินจำเป็นต้องประเมินผลของความเสี่ยงและผลกระทบต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมา โดยฉพาะสถานการณ์ในช่วงการเปลี่ยนผ่านที่ยังไม่มีระบบความปลอดภัยที่เพียงพอมารองรับ
ในขณะที่เทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมจะเรียกร้อง EU ให้เวลากับอังกฤษมากขึ้นในการขยายเส้นตายการแยกตัวจาก EU ให้ออกไปมากกว่าวันที่ 12 เมษายน เพื่อให้รัฐบาลจะได้มีเวลาในการเจรจากับพรรคแรงงานเพื่อผ่าทางตัน และผลักดันร่างข้อตกลง Brexit ให้รัฐสภาพิจารณาเป็นครั้งที่ 4
โดยที่เทเรซา เมย์ กล่าวหลังจากที่มีการเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีนานกว่า 7 ชั่วโมงเมื่อวันอังคาร เพื่อแก้ปัญหาภาวะชะงักงันกรณีการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU รวมถึงผลกระทบที่จะเกิดกับเศรษฐกิจอย่างมาก
พร้อมกับย้ำว่า อังกฤษจำเป็นต้องขยายเวลาการบังคับใช้มาตรา 50 เพื่อให้สามารถแยกตัวจาก EU ตามกำหนดเวลาอย่างเป็นระบบระเบียบ และมีช่วงเวลาที่จะนั่งลงเจรจากับฝ่ายค้านเพื่อให้มีการตกลงถึงแผนที่จะปฏิบัติเพื่อให้มั่นใจว่า อังกฤษจะแยกตัวจาก EU โดยมีการทำข้อตกลง
ขณะเดียวกันทางด้านการประเมินถึงผลกระทบที่จะเกิดกับระบบเศรษฐกิจอังกฤษนั้น รัฐมนตรีคลังอังกฤษกล่าวว่าในระยะยาวศรษฐกิจอาจจะหดตัวลงถึง 8% ในช่วงใกล้ปี 2035 หากอังกฤษแยกตัวออกจาก EU โดยไม่มีการทำข้อตกลง Brexit
ทางด้านธนาคารกลางอังกฤษ (Bank Oh England) หรือ BoEประเมินว่า อังกฤษจะเผชิญกับความเสี่ยงของการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่มากขึ้น ขณะที่ที่ Mark Carney ผู้ว่าการ BoE กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติอาจจะไม่เข้ามาลงทุนซื้อสินทรัพย์ในอังกฤษอีก
ขณะที่ด้านการค้าจะมีต้นทุนในการนำเข้าสินค้าจาก EU ของบริษัทที่เป็น British companies ราว 5% แต่ก็อาจจะส่งผลดีต่อภาคอุตสาหกรรมส่งออกรถยนต์ของอังกฤษที่มีการจ้างงานมากถึง 800,000 คน
อย่างไก็ตาม Steven Armstrong ประธานของ Ford ในยุโรป กล่าวว่า บริษัท Ford ในอังกฤษ อาจจะต้องใช้เงินนับหมื่นล้านยูโรเพื่อย้ายฐานการผลิตรถยนต์เข้าสู่ EU หากอังกฤษแยกตัวออกจาก EU อย่างไม่มีการทำข้อตกลง Brexit
ปัจจุบัน Ford มีโรงงานผลิตรถยนต์ในอังกฤษ 2 แห่งที่ Bridgend กับ Dagenham ที่มีการผลิตถึง 1.3 ล้านเครื่องยนต์ต่อปี และโรงงานผลิตรถยนต์ 1 แห่งในเยอรมนี แต่อาจจะต้องเผชิญกับต้นทุนภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้นถึง 1,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งภาระที่บากลำบากที่จะแบกรับต่อปัญหา Brexit ที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ ธนาคารกลางอังกฤษยังมีการประเมินทิศทางของเงินปอนด์สเตอร์ลิงที่อ่อนค่าลง หากอยู่ในภาวะที่เกิด No-deal Brexit ที่อาจจะร่วงลงถึง 25% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นภาพที่เลวร้ายที่สุดเนื่องจากแรงกระหน่ำขายเงินปอนด์ออกมา
ทั้งนี้เงินปอนด์ได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องนับจากการลงประชามติของชาวอังกฤษให้แยกตัวออกจาก EU เมื่อเดือนมิถุนายน 2016 ซึ่งเป็นการอ่อนค่าลงถึง 13% แล้ว โดยล่าสุดเคลื่อไหวอยู่ที่ 1.32 ดอลลาร์ เป็นการเด้งตัวขึ้นช่วงสั้นๆ จากระดับ 1.30 ดอลลาร์ จากกระแสข่าวที่เทเรซา เมย์ จะยื่นต่อ EU ให้ยืดเวลา Brexit ออกไปจากวันที่ 12 เมษายน
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก