MARKET CAP “ความลับ” หุ้นสิบเด้ง

ชื่อเต็ม ๆ คือ Marker Capitalization หรือที่เราเรียกย่อ ๆ กันว่า MARKET CAP นั่นแหละ

 

เอาทฤษฎีก่อน มันคือ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด

หรือคือ ราคาปิดของหลักทรัพย์ x จำนวนหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในปัจจุบัน

เอาง่าย ๆ เลยคือ MARKET CAP บอกว่า “บริษัทนี้มีขนาดใหญ่เท่าไหร่” คิดง่าย ๆคือ เอาราคาหุ้นที่เป็นราคาปิดวันนั้น ไปคูณจำนวนหุ้นนั่นเอง

เช่น หุ้น A วันนี้ปิดราคา 10 บาท และมีจำนวนหุ้นอยู่ 200 ล้านหุ้น ดังนั้น MARKET CAP ของหุ้น A คือ 10 x 200 ล้าน = 2,000 ล้านนั่นเอง

บริษัทขนาดใหญ่ LARGE CAP จะมี MARKET CAP > 50,000 ล้าน

บริษัทขนาดกลางหรือ MID CAP จะมี MARKET CAP 10,000 – 50,000 ล้าน

บริษัทขนาดเล็ก SMALL CAP จะมี MARKET CAP < 10,000 ล้าน

 

 

1. ใครเป็น “จ้าวมือ” ในหุ้นตัวนี้ ลองคิดดูถ้าบริษัทที่เป็น LARGE CAP แน่นอน จ้าวมือก็จะต้องเป็นพวกรายใหญ่ เช่น กองทุน ต่างชาติ เป็นต้น ส่วนพวก SMALL CAP จ้าวมือก็อาจเป็นรายใหญ่ในประเทศหรือรายย่อยทำราคากันเอง ดังนั้น ถ้าเรารู้แบบนี้เราก็จะ “รู้เขารู้เรา”

 

2. “โอกาสเจอหุ้น 10 เด้ง” แน่นอน บริษัทใหญ่ ๆ ย่อมโตช้ากว่า ส่วนบริษัทเล็ก ๆ ก็โตเร็วกว่า การซื้อและการถือก็อาจคนละวัตถุประสงค์กัน และวาง MM ไว้แตกต่างกัน

 

3. “ข่าวนี้มีผลกระทบแค่ไหน” เช่น บริษัท A มี MARKET CAP 100,000 ล้าน วันนึงออกข่าวมาว่ามีโครงการนั่นนี่ รับรู้กำไรทันที 1,000 ล้าน ถ้าเราไม่รู้ MARKET CAP เราอาจคิด “โอ้โหหหห แบบนี้เข้าไปลงทุนดีกว่า” พอหันมาดู อ้าว กำไรนิดเดียวเมื่อเทียบกับความใหญ่ของมัน เป็นต้น

 

4. “ราคาตกลงมา คุ้มค่าไหมที่จะเข้าไปช้อน” เอาง่าย ๆ เลย สมมุติ บริษัท A มี MARKET CAP 200 ล้าน เราอยากได้บริษัท A มาครอบครอง เราก็กำเงินสดไปซื้อเลย 200 ล้าน เราก็จะได้บริษัท A มาเป็นเจ้าของ

 

5. จากข้อ 4 ในทางกลับกัน เช่น หุ้น XYZ ตอนนี้ราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก ๆๆๆๆๆๆๆ เราหันไปมองหน่อย MARKET CAP 40,000 ล้าน ถ้าเราจะซื้อหุ้นตัวนี้ “คุ้มค่าไหมล่ะ ???”

 

6. “ประตูบานแรกสู่ งบการเงิน” จากข้อ 5 เช่น เราดูแล้วอ๋อ MARKET CAP 40,000 ล้าน เข้าไปดูงบต่อซะหน่อย เช่น มีสินทรัพย์ทั้งหมด 100,000 ล้าน มีหนี้สินอยู่ 20,000 ล้าน สรุป ถ้าเรามีเงิน 40,000 ล้าน เราซื้อบริษัทนึงที่มี สินทรัพย์ประมาณ 80,000 ล้าน แบบนี้คุ้มไหมล่ะ ???

 

7. หรือในทางกลับกัน บริษัท ABC มี MARKET CAP 200,000 ล้าน มีสินทรัพย์ 150,000 ล้าน มีหนี้สินอีก 50,000 ล้าน หักลบกลบหนี้เหลือ 100,000 ล้าน คิดในใจ “คุ้มไหม” เอาเงิน 200,000 ล้าน ไปซื้อบริษัท 100,000 ล้าน

 

ลองไปทำความเข้าใจกันดูนะครับ

บางทีช่วงนี้ราคาลงมาต่ำเตี้ยเรี่ยดิน คุณอาจเจอบริษัทดี ๆ ลดราคาซ่อนอยู่ก็ได้

MARKET CAP ไม่ใช่ดูผ่าน ๆ แต่เป็นประตูบานแรกสู่งบการเงิน จากนั้นค่อยไปเจาะรายละเอียดอื่น ๆ ต่อ อย่างน้อยก็ช่วยเราสแกนคร่าว ๆได้

 

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก..

FB..รวยหุ้นง่าย ๆ สไตล์ Dr.A