โดย สัมภาระ
เผยแพร่ : 
93 views3 ความเชื่อเรื่องเงินแบบผิดๆ ที่ถูกปลูกฝังในวัยเด็ก โดย รามิต เซธี ผู้แต่งหนังสือ I will teach you to be rich และเศรษฐีเงินล้านที่รวยด้วยตัวเอง
.
“เราจะเติบโตมาเป็นคนแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับว่าโตมาอย่างไรนั่นแหละ” คำพูดที่อาจเป็นข้อเท็จจริงที่ยังคงใช้ได้เสมอกับทุกๆ เรื่องเลยจริงมั้ยครับ? ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคิด พฤติกรรม ความรับผิดชอบ การอยู่ร่วมกับผู้อื่น รวมทั้งเรื่องการเงินด้วย ทุกอย่างล้วนแต่มีผลจากการถูกพร่ำสอนในวัยเด็กทั้งนั้น แล้วจะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่บุคคลที่อ้างตนว่าเป็นผู้ “อาบน้ำร้อนมาก่อน”
.
มันคือความจริงครับ ว่าตอนเป็นเด็กก็ยังไม่กล้าเถียง ได้แต่นั่งพยักหน้าขานรับกันไป บางคนโตมาคิดได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ยังมีอีกหลายคนเลยครับที่ถูกคำสอนพวกนี้เป็น “เครื่องกับดักความสำเร็จ” ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ในวันที่เราไม่สำเร็จ ใคร? ที่ต้องแบกรับมันไว้ครับ ถ้าไม่ใช่ตัวคุณเอง
.
รามิต เซธี (Ramit Sethi) เศรษฐีเงินล้านที่รวยด้วยตนเองชาวอเมริกันคนนี้ ก็เป็นผู้ที่ทำให้ตัวเองหลุดจากกับดักคำสอนในวัยเด็ก จนวันนี้เขาคือนักธุรกิจและที่ปรึกษาด้านการเงิน ทั้งยังเป็นผู้แต่งหนังสือ I will teach you to be rich ที่มีคนอ่านทั่วโลกอีกด้วย และวันนี้เขาจะเป็นผู้ถอดกับดักความรวยให้กับทุกคนเช่นกัน
.
อย่าลืมนะครับว่า “เราถูกสอนมาแล้วคงแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่เราอย่าส่งต่อคำสอนเหล่านี้ไปสู่ลูกหลานในอนาคต” ครับ
.
และนี่คือ 3 ความเชื่อแบบผิดๆ กับดักความรวยที่ถูกปลูกฝังในวัยเด็กจากรามิต เซธี
.
1. การพูดคุยเกี่ยวกับเงินเป็นเรื่องเสียมารยาท
.
ยกตัวอย่างง่ายๆ เลยครับข้อนี้กับคำถามที่ว่า “แล้วคุณได้เงินเดือนเท่าไรเหรอ?” ไม่ได้เป็นที่แน่ชัดมากนักว่าการถามไถ่ถึงเรื่องเงินเดือนกลายเป็นเรื่องเสียมารยาทไปตั้งแต่ที่เราได้รับอิทธิพลทางความคิดจากโลกตะวันตกหรือไม่ พอรู้ตัวอีกทีก็รู้สึกหัวเสียเมื่อถูกถามเข้า ทั้งยังชวนให้คิดว่าผู้ถามเป็นคนไร้มารยาท
.
อย่างไรก็ตาม เซธีกลับเป็นคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยอย่างมาก โดยคิดว่า ก็คงมีแต่คนที่ไร้เป้าหมาย สืบหาเส้นทางการเงินของตัวเองไม่ได้ หรือไม่รู้จะนำเงินไปทำอะไรเสียมากกว่าที่คิดว่าการพูดคุยเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เสียมารยาท เพราะใครกันที่รวยแล้วจะไม่อยากอวดว่าตัวเองมีเงินมากแค่ไหน ดังนั้น เรื่องเงินจึงเป็นสิ่งที่สามารถพูดได้ คุยได้ ปรึกษาได้ ไม่แน่คุณอาจจะได้รับคำแนะนำดีๆ ที่จะทำให้คุณรวยขึ้นก็ได้
.
2. การปลูกฝังให้ใช้เงินอย่างประหยัดตั้งแต่เด็ก
.
จากที่เซธีสัมภาษณ์คนกลุ่มหนึ่งผ่านทางพอดแคสต์ (Podcast) ด้วยคำถามที่ว่า “พ่อและแม่สอนให้คุณใช้เงินอย่างไรบ้าง?” คำตอบส่วนใหญ่ที่ได้รับก็คือ “อย่าใช้เงินเยอะ ประหยัดๆ หน่อย” จะเกิดอะไรขึ้น หากทุกครอบครัวสอนลูกหลานเช่นนี้?
.
ปัญหานี้คงยังไม่ส่งผล ณ วันที่คุณพูดกับลูกหลานเรื่องนี้หรอกครับ แต่มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่เมื่อลูกหลานของคุณเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ในวันที่พวกเขาใช้เงินได้ด้วยตัวเองนั่นแหละครับ บางคนอาจไม่กล้าซื้อกาแฟ เพราะกลัวเงินจะหมด หรือบางคนอาจจะถลุงกระเป๋าเงิน เพราะเก็บกดไปเลยก็ได้
.
“แทนที่จะสอนให้ประหยัด สอนให้พวกเขารู้จักวิธีใช้เงินให้คุ้มค่าจะเป็นผลดีเสียกว่า” - เซธี กล่าว
.
3. การลงทุนเป็นเรื่องของคนรวยเท่านั้น
.
ความเชื่อแบบผิดๆ ที่คนส่วนมากถูกปลูกฝังกันมาตั้งแต่เด็กอีกอย่างหนึ่งก็คือ “การลงทุนถูกสงวนไว้สำหรับคนรวย” ทั้งที่จริงแล้วมันควรเป็นเรื่องของทุกคน
.
เซธี เผยว่า ทุกคนควรได้เรียนรู้และรู้จักการลงทุนตามเม็ดเงินที่มี จะมากหรือน้อยก็ถือเป็นการเริ่มต้นได้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้น ลองเปลี่ยนจาก “การแบ่งสัดส่วนเงินที่จะใช้ในแต่ละเดือน เป็นการโอนเงินเข้าบัญชีเพื่อการลงทุน” ดู นั่นหมายถึงคุณได้เริ่มต้นชีวิตที่มั่งคั่งแล้วอย่างแท้จริง ต่อให้ผ่านไป 20 ปี หรือ 30 ปี ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน เพราะถึงตอนนั้นคุณก็คงมีเงินก้อนโตก้อนหนึ่ง รองรับไว้อยู่แล้วแหละครับ
.
