ห้องเม่าปีกเหล็ก

AOT - ไม่มีปัจจัยบวก

โดย คนเล่นหุ้น
เผยแพร่ :
65 views

 

Cr.Wattana Stock Page

AOT นับเป็นหุ้นตัวหนึ่งที่ตลาดให้พรีเมี่ยมค่อนข้างสูง เพราะว่าเป็นรัฐวิสาหกิจและทำธุรกิจที่ผูกขาด

บางคนอาจบอกว่ามีหน่วยงานอื่นที่เป็นเจ้าของสนามบินด้วย เช่น กรมท่าอากาศยาน ทหาร หรือแม้แต่เอกชนอย่างบริษัทบางกอกแอร์เวยส์ แต่สนามบินอื่นนับว่ามีจำนวนผู้ใช้บริการคิดเป็นสัดส่วนน้อยมาก อีกทั้งโอกาสที่ภาครัฐจะเปิดให้เอกชนสร้างสนามบินเองก็เป็นไปได้ยาก อีกทั้งจะมีอีกสักกี่จังหวัดที่มียังไม่มีสนามบิน แต่มีศักยภาพพอที่จะเปิดให้บริการสนามบินในเชิงพาณิชย์

นั่นทำให้หุ้น AOT ถูกซื้อขายกันที่ราคาค่อนข้างจะแพง โดยเฉพาะถ้าเราเทียบกับสนามบินเพื่อนบ้านในละแวกนี้

ราคาหุ้น AOT วิ่งขึ้นมาอยู่บนที่สูง โดยเป็นการไล่ราคาขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลายาวนานหลายปีติดต่อกัน สาเหตุหลักมาจาก

1. การได้รับความนิยมของสายการบินต้นทุนต่ำในบ้านเรา ทำให้มีการเพิ่มเที่ยวบินในประเทศมาก และจำนวนผู้โดยสารในประเทศก็เพิ่มสูงขึ้น โดยเป็นการแย่งลูกค้าจากรถทัวร์มาได้ส่วนหนึ่ง เพราะบางครั้งราคาถูกกว่าเสียอีก

2. สายการบินต้นทุนต่ำที่ให้บริการเที่ยวบินต่างประเทศ ทำให้คนไทยสามารถท่องเที่ยวได้ในราคาที่ประหยัด และมีความสามารถที่จะท่องเที่ยวต่างประเทศได้มากขึ้น โดยเฉพาะในระยะหลังที่ค่าใช้จ่ายในการเที่ยวต่างประเทศบางครั้งถูกกว่าเที่ยวในประเทศเสียอีก

3. ภาคการท่องเที่ยวของไทยที่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากภาครัฐมาโดยตลอด ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น

4. การเติบโตของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีรายได้มากขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจจีนที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ และไทยก็เป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมากเช่นเดียวกัน

การเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยในช่วงที่ผ่านมานับตั้งแต่เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นจากวิกฤตแฮมเบอเกอร์ สูงเฉลี่ยมากกว่า 10%

แม้กลุ่มนักท่องเที่ยวหลักชาวตะวันตกเดิม คือ ชาวรัสเซีย จะลดน้อยลงไปอย่างมาก จากราคาน้ำมันที่ตกต่ำ ทำให้รัสเซียประสบปัญหาเศรษฐกิจและค่าเงินรูเบิลอ่อนค่าลงอย่างหนัก

แต่นักท่องเที่ยวชาวจีนก็เริ่มเข้ามาทดแทน และทวีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆนับจากนั้น จนปัจจุบัน นักท่องเที่ยวชาวจีนมีจำนวนกว่า 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทย

รายได้ของ AOT มาจาก 1. จำนวนเที่ยวบินที่ขึ้นลงสนามบินในสังกัด หลักๆก็คือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ 2. ภาษีสนามบินที่เรียกเก็บจากผู้ใช้บริการชาวไทยและชาวต่างประเทศ

และรายได้ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ รายได้จากสัมปทานเนื้อที่เชิงพาณิชย์ในการให้บริการร้านค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) ในสนามบิน

การย้ายเที่ยวบินของสายการบินต้นทุนต่ำไปยังดอนเมืองนั้น เป็นการเพิ่มศักยภาพในการรองรับเที่ยวบินได้เพิ่มมากขึ้น และหลังจากย้ายไปได้ไม่นาน ก็เปิดเทอมินัล 2 ต่อทันที เพราะมันเต็มความจุ โดยเฉพาะในช่วง peak

ในขณะที่สุวรรณภูมินั้น การจราจรแน่นหนามาก โดยในช่วงเวลา peak นั้น ต้องบอกเลยว่า slot เต็มกันไปหมดแล้ว แม้จะพยายามผลักดันโดยกระตุ้นให้สายการบินเลือก slot ในช่วงเวลาที่ไม่แออัดในราคาถูก แต่ก็ไม่ค่อยมีคนจะเอา

การขยายสนามบินสุวรรณภูมิจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด

แต่แล้ว ปัญหาต่างๆก็เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อ AOT นั่นคือ

1. กรณีเรือล่มที่ภูเก็ต ทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนตายไปหลายสิบคน บวกกับคำให้สัมภาษณ์ของผู้หลักผู้ใหญ๋ในรัฐบาลที่พูดความจริงในเวลาที่ไม่ควรพูด ทำให้เกิดกระแสลบแพร่ไปทั่วสังคมออนไลน์ในจีน นำมาซึ่งความไม่พอใจเป็นอย่างมาก

2. การเรียกเก็บเงินส่วนเกินค่าวีซ่า รวมถึงการทำร้ายนักท่องเที่ยวจีนของ รปภ. สนามบิน ก็สร้างความเสื่อมเสียให้กับการมาเที่ยวในไทย ในสายตาของชาวจีน

3. รัฐบาลจีนเตรียมขึ้นบัญชีดำ ให้ไทยเป็นประเทศที่ "อันตราย" ในการมาท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วง golden week ที่ผ่านมา จากเหตุเรื่องเรือล่มที่ภูเก็ต ที่จนถึงปัจจุบันก็ยังกู้ซากเรือไม่ได้ และยังไม่มีการดำเนินการใดๆเพิ่มเติมเลย อีกทั้งประทเศไทยยังมีความเสี่ยง "โรคไข้เลือดออก" ด้วย

ตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวจีนปรับลดลงตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เรือล่ม ลากยาวมาจนถึงช่วง golden week ที่ผู้ประกอบการคาดกันว่าจะมีปริมาณนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมาก แต่ปรากฏว่า นักท่องเที่ยวกลับลดลง

ในขณะที่นักวิเคราะห์หลายค่ายยังคง "มีความเชื่ออย่างแรงกล้า" ว่า นี่จะเป็นเพียงเหตุการณ์ระยะสั้น เดี๋ยวนักท่องเที่ยวจีนก็จะกลับมา ซึ่งก็ไม่รู้ว่า จะต้องรอพิสูจน์กันอีกนานแค่ไหน เพราะนี่ก็ยาวนานกว่า 3 เดือนแล้ว ยังไม่เห็นการฟื้นของนักท่องเที่ยวชาวจีนเลย

หากตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวจีนไม่โต หรือลดลง จะส่งผลต่อการเติบโตของนักท่องเที่ยวโดยรวม และรวมถึงการเติบโตของรายได้ของ AOT ด้วย

นักวิเคราะห์บางค่ายเริ่มหั่นประมาณการการเติบโตของนักท่องเที่ยวกันลงมาแล้ว และให้คำแนะนำเพียงแค่ "ถือ" จากเดิมที่ให้ "ซื้อ"

การอ่านบทวิเคราะห์ AOT ในวันนี้ จึงไม่ควรดูแค่ตัวเลขราคาเหมาะสม แต่ให้อ่านเข้าไปถึงสมมติฐานด้วยว่า นักวิเคราะห์รายนั้นๆมีการตั้งสมมติฐานการเติบโตของตัวเลขนักท่องเที่ยวอย่างไร แล้วมันสมเหตุสมผลหรือไม่ในความรู้สึกของเรา

4. ประเด็นการขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ที่ต้องมีการเลื่อนออกไปเล็กน้อย เพราะดันมีปัญหาเรื่องผู้ชนะการออกแบบ

สังคมกำลังตั้งประเด็น 2 อย่าง ก็คือ

1) ทำไมผู้ชนะการออกแบบจึงไม่ได้รับเลือก เพียงเพราะเหตุผลว่า "ขาดเอกสาร" แต่กลับเลือกผู้ได้อันดับ 2 ซึ่งสังคมมองว่า เป็นงานที่ลอกแบบมาจากการออกแบบของผู้อื่น แม้ผู้ออกแบบจะยืนยันว่า ไม่ได้ลอก แต่ได้แรงบันดาลใจมา เพราะงานออกแบบมันก็สามารถจะคล้ายคลึงกันได้

คำถามที่มีต่อ AOT คือ ถ้าผู้ชนะอันดับ 1 ขาดแค่เอกสารไม่กี่แผ่น ก็เพียงแค่บอกให้ผู้ชนะนำเอกสารที่ขาดมาให้ ก็เท่านั้น แต่กลับตัดสิทธิและเลือกผลงานอันดับ 2

ตรงนี้ AOT มีความจำเป็นจะต้องชี้แจง

2) มีการส่งข้อมูลกันในโลกออนไลน์ถึง Master Plan ของสนามบินสุวรรณภูมิ โดยมีข้อสงสัยว่า terminal 2 ที่กำลังจะเปิดประมูลนั้น มาได้อย่างไร??? เพราะไม่เคยปรากฎใน master plan เลย

การต่อเติมเทอมินัล 1 ฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกตามแผนที่วางไว้แต่แรก เพื่อลดปัญหาคอขวด จากจุดเช็คอินกระเป๋าไปยังด่าน ต.ม. และออกไปยัง Gate น่าจะสามารถทำได้เร็วกว่า แต่กลับยังไม่ก่อสร้าง เหมือนกับว่าทาง AOT ต้องการให้ผู้ใช้บริการต้องเดินในทิศทางเดียวเป็นระยะทางไกล เพื่อหวังผลให้ผ่านร้านค้าดิวตี้ฟรี มากกว่าที่จะคำนึงถึงความสะดวกของผู้ใช้บริการ

ในส่วนนี้แม้ AOT จะออกมาชี้แจงบ้างแล้ว แต่ก็ยังคงไม่สามารถตอบคำถามได้ว่า ทำไม terminal 2 ต้องสร้างตรงจุดนั้น

5. เมื่อการตัดสินผลออกแบบเทอมินัล 2 ต้องเลื่อนออกไปถึงเดือน พ.ย. ก็ทำให้การประมูลดิวตี้ฟรีต้องล่าช้าตามไปด้วย ซึ่งตรงนี้ก็นับเป็นจุดสำคัญในการประเมินรายได้ในอนาคตของ AOT เลยทีเดียว เพราะจะเป็นการให้สัมปทานกับรายเดียว ให้บริการทั้งเทอมินัล 1 และ 2

นี่ถือว่าเป็นเค้กก้อนโต และดูเหมือนการแข่งขันจะดุเดือด เพราะนอกจาก King Power ที่เป็นเจ้าของพื้นที่เดิมแล้ว ยังมีขาใหญ่ที่เตรียมยื่นซองแข่งขันเช่นเดียวกัน

**** ปัจจัยทั้งหมดนี้ นักวิเคราะห์แทบจะรวมไว้ในประมาณการหมดแล้ว ทั้งในเรื่องเงินลงทุน เรื่องรายได้จากการประมูลผู้ให้บริการดิวตี้ฟรี อาจจะมีส่วนเพิ่มได้บ้าง หากราคาประมูลดิวตี้ฟรีสูงกว่าที่ประเมินไว้

แต่ความเสี่ยงขาลงยังมีอยู่มาก เพราะราคาหุ้น AOT เทรดอยู่ที่ PE สูงมากกว่าสนามบินอื่นในภูมิภาค และก็เทรดอยู่ที่ +1SD จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง

นั่นหมายถึง AOT ยังคงยืนอยู่ได้ด้วยแรงคาดหวังในอนาคตล้วนๆ

แต่ ณ ปัจจุบัน บางสิ่งกำลังเปลี่ยนไป โดยเฉพาะเรื่องนักท่องเที่ยวชาวจีน

แม้นักท่องเที่ยวชาวจีนจะถูกเหยียดโดยคนไทยบางส่วน ว่าเป็นนักท่องเที่ยวที่ไม่มีมารยาท ไม่มีวินัย

แต่เราต้องไม่ลืมว่า ยังไงเสีย เขาก็ขนเงินเข้ามาเที่ยวในบ้านเรา และเศรษฐกิจของไทยยังเติบโตเช่นนี้ได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะนักท่องเที่ยวชาวจีนเหล่านี้

ถึงแม้เราจะรู้ทั้งรู้ว่า หลายครั้งที่คนไทยแทบไม่ได้ประโยชน์นักจากกลุ่มทัวร์ชาวจีน เพราะชาวจีนเข้ามาเปิดกิจการกินรวบรายได้จากนักท่องเที่ยวของเขา โดยใช้คนไทยเป็นนอมินีในการเปิดบริษัทก็ตามแต่

แต่นั่นก็เป็นหน้าที่ของภาครัฐที่ต้องเข้าไปจัดการ ให้รายได้จากทัวร์จีนกระจายสู่มือคนไทยอย่างแท้จริง ไม่ใช่วนกันอยู่ในหมู่คนจีนด้วยกัน

โดยการจัดการเรื่องเหล่านี้ ก็เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เพราะถ้าคิดแค่เพียงว่า "มีปากไว้พูด" มันก็จะเกิดผลเสียอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

แต่ในส่วนของ AOT โนสน โนแคร์อยู่แล้วว่านักท่องเที่ยวจะใช้จ่ายเท่าไหร่

เพราะ AOT ไม่ได้ส่วนแบ่งอะไรจากค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว แต่ได้เงินภาษีสนามบินเป็นรายหัว และรายได้จากเครื่องบินที่ขึ้นลงและใช้ facility ต่างๆของสนามบิน

จำนวนนักท่องเที่ยวที่เติบโตเท่านั้น เป็นสิ่งที่ AOT ต้องการ

แต่หากดูจากประมาณการของนักวิเคราะห์หลายๆโบรก ยังมองเชิงบวกกันมากเหลือเกิน ซึ่งในความเป็นจริง มันควรต้องเริ่ม "ระมัดระวัง" หรือยัง??

ถามใจตัวเองดูซิว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่โตในระดับ 10 กว่าเปอร์เซนต์มาหลายปี มันจะโตอย่างนี้ต่อไปได้อีกแค่ไหน

จริงๆแล้ว AOT ควรจะเป็นหุ้นที่น่าสนใจ เพราะภาคการท่องเที่ยวที่ยังเติบโตได้ดี แต่ก็ดันมาพลาดเพียงเพราะเหตุการณ์ร้ายแรงเหตุการณ์เดียว ที่ผู้บริหารบ้านเมืองมีการบริหารจัดการที่ "แย่มาก" โดยเฉพาะในเรื่อง "การให้สัมภาษณ์"

ตราบใดที่นักท่องเที่ยวจีนยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัว โอกาสที่จะเห็น AOT กลับมาโดดเด่นอีกครั้ง คงเป็นเรื่องที่ยาก


คนเล่นหุ้น