ห้องเม่าปีกเหล็ก

จับตา 6 หุ้นใหญ่จ่อแตกพาร์ ระวังหลุมพรางแรงเก็งกำไร

โดย stock-news
เผยแพร่ :
56 views

efinanceThai - จับตา 6 หุ้นใหญ่จ่อแตกพาร์ ระวังหลุมพรางแรงเก็งกำไร

 

             ประเด็นการแตกพาร์เพิ่มสภาพคล่องของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ขนาดใหญ่ที่มีราคาซื้อขายเกิน 100 บาทต่อหุ้น เริ่มได้รับความสนใจจากนักลงทุนอีกครั้ง หลังจากไม่ค่อยเห็นกิจกรรมลักษณะดังกล่าวในระยะ 1-2 ปีที่ผ่านมา



             เพราะในปี 58-59 มี บจ.ที่มีราคาหุ้นสูงเพียง 1 แห่งเท่านั้นที่ทำการแตกพาร์ คือ บมจ.เชียงใหม่รามธุรกิจการแพทย์ (CMR) เท่านั้น ที่แตกพาร์จาก 10 บาท เหลือ 1บาท


             ต่างจากปี 56-57 ที่มีถึง 9 บริษัท นำโดยกลุ่มบจ.ชื่อดังอาทิ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN), บมจ.บ้านปู (BANPU), บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) และ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) 


              ตามด้วย บมจ.อุตสาหกรรมถังโลหะไทย (TMD), บมจ.ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม (UVAN), บมจ.ไทยโพลีอะคริลิค (TPA), บมจ.เอสทีพี แอนด์ ไอ (STPI), บมจ.เอ็ม บี เค(MBK), บมจ.เอส แอนด์ พี ซินดิเคท (SNP), บมจ.ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี (PRG)


              สำหรับในปีนี้ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ประเดิมเป็นรายแรก แตกพาร์จาก 10 บาท เหลือ 1 บาท ทำให้ราคาหุ้นปรับลดลงจากระดับ 420 บาท เหลือ 42 บาท และได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างคึกคัก

 

*** จับตามีอย่างน้อยอีก 6 รายรอจ่อคิว


              "ประกิต สิริวัฒนเกตุ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์(บล.)กสิกรไทย ประเมินว่า หลังการแตกพาร์ของ AOT น่าจะกระตุ้นเทรนด์นี้จากบจ.ขนาดใหญ่ ที่มีราคาหุ้นเกิน 100 บาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องการซื้อขาย เพราะปัจจุบันหลายบริษัทที่ได้รับความนิยมซื้อขายกันในระดับราคาค่อนข้างสูง ทำให้ราคาหุ้นหยุดนิ่งนาน หรือไม่เคลื่อนไหวมาก


               "การแตกพาร์มักทำในช่วงที่ตลาดหุ้นอยู่ในภาวะที่ดี นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจซื้อขายกันอย่างคึกคัก ซึ่งตอนนี้หุ้นไทยก็ถือว่าอยู่ในแนวโน้มที่ดี แต่หุ้นยอดนิยมหลายบริษัทราคาสูงเกินไปแล้ว เชื่อว่าบจ.ขนาดใหญ่หลายแห่งจะนำไอเดียนี้ไปปรับใช้ เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้ามาซื้อหุ้นได้มากขึ้น"


               ทั้งนี้ จากการประเมินพบว่ามี 6 บริษัทที่มีแนวโน้มสูงในการแตกพาร์ได้แก่ 
              1.บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) พาร์ 1 บาท ราคาหุ้นล่าสุด 526 บาท


              2.บมจ.ปตท. (PTT) พาร์ 10 บาท ราคาหุ้นล่าสุด 396 บาท


              3.บมจ.ปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC) พาร์ 10 บาท ราคาหุ้นล่าสุด 284 บาท


              4.บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) พาร์ 10 บาท ราคาหุ้นล่าสุด 203 บาท


              5.บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) พาร์ 10 บาท ราคาหุ้นล่าสุด 186 บาท


              6.บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE) พาร์ 1 บาท ราคาหุ้นล่าสุด 101 บาท
               ซึ่งล้วนแต่เป็นหุ้นกลุ่มที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ มีปริมาณการซื้อขายในปริมาณสูงต่อเนื่องและสม่ำเสมอ

 

*** ระวังหลุมพรางแรงเก็งกำไร


              "ประกิต" กล่าวต่อว่า ตามสถิติหุ้นขนาดใหญ่ที่เตรียมแตกพาร์ ราคาหุ้นจะตอบสนองเชิงบวกแทบทั้งสิ้น นักลงทุนต้องระมัดระวัง ให้ตัดสินใจซื้อขายจากปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก เพราะการแตกพาร์ไม่ได้ทำให้มูลค่าของบริษัทเปลี่ยนไปแต่อย่างใด แต่ทำให้จำนวนหุ้นมีปริมาณเยอะขึ้นเท่านั้น

 
                เช่นเดียวกับ นักวิเคราะห์ บล.เอเชียพลัส ระบุว่า ก่อนการแตกพาร์ของแต่ละบริษัท อาจจะมีแรงซื้อขายเก็งกำไรมากกว่าระดับปกติ เพราะคาดว่าหุ้นที่มีสภาพคล่องสูงขึ้น อาจจะทำให้ราคาหุ้นเคลื่อนไหวได้มากขึ้นในอนาคต


                "ให้ระวังเรื่องการเก็งกำไรพวกกลุ่มหุ้นแตกพาร์ โดยเฉพาะหุ้นใหญ่ๆ เพราะแม้หุ้นจะมีสภาพคล่องและราคาที่น่าสนใจมากขึ้น แต่มีความเสี่ยงเรื่องการเก็งกำไรเกินตัว เกินมูลค่าพื้นฐานได้ เพราะการแตกราคาพาร์ไม่ได้มีผลต่อพื้นฐานของบริษัท ซึ่งสุดท้ายราคาหุ้นจะกลับไปหาพื้นฐานเสมอ ที่สำคัญต้องระวังกรณีหลังการแตกพาร์ราคาหุ้นมีโอกาสจะปรับตัวลดลงมาแรงกว่าเดิม เพราะหุ้นยิ่งราคาต่ำอัตราการเปลี่ยนแปลงต่อ 1 ช่องราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย”


                นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การแตกพาร์หุ้นขึ้นอยู่กับนโยบายของคณะกรรมการบริษัท เป็นเรื่องที่คาดได้ยาก นักลงทุนต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนเสมอ เพราะมักเกิดกระแสการเก็งกำไรก่อนในหุ้นที่มีข่าวแตกพาร์ ซึ่งบางครั้งอาจจะไม่เป็นความจริงและสร้างความเสียหายต่อการลงทุนได้

 

*** เซียนแนะรายย่อยอย่าแปลงร่างเป็นแมงเม่า


                นักลงทุนรายใหญ่ ระบุว่า นักลงทุนรายย่อยต้องทำการบ้านอย่างละเอียด หากต้องการเข้าลงทุนหุ้นที่แตกพาร์ เพราะแม้ราคาจะปรับลดลงจนสามารถจับต้องได้ แต่หากไม่ศึกษาพื้นฐานให้ดี มีโอกาสขาดทุนสูง


                "ผมชอบนะถ้าหุ้นพื้นฐานดีแล้วแตกพาร์ เพราะทำให้เข้าลงทุนได้ง่ายขึ้นในปริมาณที่มากขึ้น แต่รายย่อยส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดเรื่องราคากับพื้นฐาน คิดว่าราคาเข้าถึงง่าย สภาพคล่องเพิ่มขึ้น คนเทรดมากขึ้น ดีมานด์มากขึ้น ก็จะคิดว่าราคาจะเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ซึ่งไม่เสมอไป 


                หากจำได้หลายปีก่อนหุ้นใหญ่อย่าง BANPU แตกพาร์จาก 10 บาท เป็น 1 บาท จากราคา 230 บาท เหลือหุ้นละ 23 บาท จากนั้นราคาไหลลงตลอด เพราะผลประกอบการแย่จนพลิกขาดทุน ราคาหุ้นเคยต่ำสุดที่ 10.88 บาท 


                หรือกรณี บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป(TU) แตกพาร์จาก 1 บาท เป็น 0.25 บาท ราคาหุ้นในกระดานแค่ทรงตัวราว 22-23 บาท เพราะกำไรยังไม่โดดเด่น และลงทุนจำนวนมาก


               การแตกพาร์ แม้จะเป็นที่ยินดีต้อนรับของนักลงทุนเสมอ เพราะทันทีที่มีข่าวราคาหุ้นของบริษัทก่อนที่จะแตกพาร์มักจะวิ่งขึ้นไปประมาณ 20-35% เพื่อที่เวลาแตกพาร์เสร็จแล้ว จะได้มูลค่ารวมสูงกว่าราคาเดิม แต่หากพื้นฐานไม่แน่จริงราคาที่วิ่งขึ้นก็จะกลับไปหาจุดที่ควรจะเป็นแน่นอน”

 

credit : Efinnancethai

 


stock-news