มีอีกแหล่งข้อมูลที่น่าสนใจ เผื่อใครกำลังหาคำตอบว่าสินทรัพย์ประเภทไหนน่าลงทุนในปี 2560 กับโอกาสของผู้ลงทุนที่ยังเปิดกว้างในมุมมองนักวิเคราะห์กองทุนรวม บล.ฟิลลิป
ปี 2560 ที่กำลังจะมาถึง ถูกจับตาว่าจะเป็นอีกปีที่ดีกรีความผันผวนในตลาดการเงินและการลงทุนโลก ดูไม่แพ้ที่เกิดขึ้นตลอดปี 2559 ที่กำลังจะผ่านไป เหตุผลเพราะความเสี่ยงหลายปัจจัยกำลังรออยู่ข้างหน้า ทั้งที่คาดเดาได้ และที่มาแบบเหนือความคาดหมาย โดยเฉพาะความเสี่ยงเรื่องของการเมืองในประเทศพัฒนาแล้ว อย่างการเลือกตั้งในยุโรปหลายประเทศ การดำเนินนโยบายของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ว่าที่ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ รวมถึงการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในปีหน้า ที่ตลาดจับตาว่าจะเกิดขึ้น 3 ครั้งอย่างที่คาดการณ์ไว้หรือไม่ กับความเสี่ยงทั้งหมดที่ยิ่งเพิ่มความท้าทายสำหรับการมองหาธีมลงทุนที่จะสร้างโอกาสให้กับผู้ลงทุนมากขึ้น
“สานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล” นักวิเคราะห์กองทุนรวมของ บล.ฟิลลิป บอกกับ Money Channel ถึงธีมการลงทุนในปี 2560 ว่า จะต้องยึดพื้นฐานของตัวหุ้นและประเทศเป็นหลัก เพื่อเป็นเกราะป้องกันแรงเหวี่ยงและความผันผวนที่เกิดจากความไม่แน่นอนในตลาด ในขณะเดียวกัน ก็ต้องคำนึงถึงระดับราคาที่ไม่แพงจนเกินไปด้วย
สำหรับธีมการลงทุนที่ตอบโจทย์ดังกล่าวในมุมมองของโบรกเกอร์ค่าย “ฟิลลิป” มีอยู่ 3 ธีมเด่น ได้แก่ :
1) ตลาดหุ้นเอเชีย แปซิฟิก ปัจจุบันระดับราคาหุ้นในกลุ่มประเทศเหล่านี้ถือว่าไม่แพงมากนัก โดยกลยุทธ์ลงทุน นักวิเคราะห์ให้เน้นกระจายความเสี่ยง ไม่กระจุกตัวรายประเทศ
2) Healthcare นักวิเคราะห์มองว่าแม้จะมีเรื่องการเมืองเข้ามาแทรก แต่ราคาหุ้นยังไม่แพงมากนัก (ยังถูกกว่าดัชนี S&P500) และพื้นฐานของกลุ่มยังดูดี
3) กลยุทธ์บริหารความเสี่ยง ปัจจุบันมีหลายกลยุทธ์ที่น่าสนใจ เช่น กลยุทธ์ “Low beta” หรือกลยุทธ์ “Min-Volatility” เป็นต้น ซึ่งปัจจุบัน ธีมลงทุนประเภทนี้ มีอยู่ทั้งในกองทุนหุ้นไทย และกองทุนหุ้นต่างประเทศ
คุณสานุพงศ์ ย้ำว่าหุ้นยังคงเป็นสินทรัพย์ที่จะเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนให้ผู้ลงทุนได้ดีกว่า Asset Class อื่นๆ ซึ่งการเลือกหุ้นภายใต้ธีมข้างต้น จะเป็นเกราะป้องกัน และลดผลกระทบจากความผันผวนให้ผู้ลงทุน แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนควรหลีกเลี่ยงตลาดที่ราคาขึ้นไปแพงแล้ว เพราะจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่จะถูกกระทบเป็นอันดับแรกๆ หากมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้น
สำหรับตลาดที่นักวิเคราะห์มองว่ามีความเสี่ยงมากที่สุด คือ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นญี่ปุ่น จึงไม่แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักลงทุนในทั้งสองตลาดนี้ จาก Upside ที่จำกัดแล้ว แต่ถ้าหากถืออยู่ ก็แนะนำว่า ให้หาจังหวะทยอยขายทำกำไรออกมาบ้าง
ในส่วนสินทรัพย์อื่นๆ อย่างเช่น ตราสารหนี้ระยะยาว แนะนำให้ทยอยลดน้ำหนักลง แล้วหันไปเพิ่มน้ำหนักในสินทรัพย์ทางเลือกอย่าง REIT หรือกองทุนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อรอรับเงินปันผล หรืออาจไปเพิ่มน้ำหนักในกองทุนตลาดเงิน ซึ่งเป็นการลงทุนระยะสั้น เพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่อง
Credit - Money Channel