ห้องเม่าปีกเหล็ก

ในช่วง 6 เดือน GPSC ร่วง 26% พานักลงทุนรายย่อยเจ็บหนัก

โดย คุณนายตื่นสาย
เผยแพร่ :
321 views

ในช่วง 6 เดือน GPSC ร่วง 26%

พานักลงทุนรายย่อยเจ็บหนัก

ราคาหุ้นยังห่างไกลเป้าหมายเกือบ 40%

.

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น GPSC เป็นหุ้นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ทำให้นักลงทุนรายย่อยที่ถือหุ้นกว่า 35,297 (ภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 27 ก.พ. 2566 ) ผิดหวังมากที่สุด เนื่องจากราคาหุ้นย้อนหลังไปในช่วง 6 เดือนแรกของงวดปี 2566 ปรับตัวลดลงจนติดลบไปกว่า 27.36% ซึ่งถือว่าปรับตัวลดลงมากที่สุด หากเทียบกับกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ด้วยกันในตลาดหุ้นไทย

.

ยกตัวอย่างเช่น ราคาหุ้น GULF ย้อนหลังไปในช่วง 6 เดือนแรกราคาหุ้นปรับตัวลดลงอยู่ที่ 12.04% ขณะที่ BGRIM ราคาหุ้นปรับตัวลดลง จำนวน 13.86% สำหรับ RATCH ปรับตัวลดลง 19.32% ส่วน EGCO ราคาหุ้นปรับตัวลดลง 24.36% ดังนั้นจะเห็นได้ว่าราคาหุ้นของ GPSC น่าผิดหวังมากที่สุด เมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่

.

โดยในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นของ GPSC มีปัจจัยเข้ามากระทบทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง ทั้งจากในเรื่องของนโยบายของฝ่ายการเมืองขั้วใหม่ ที่จะเข้ามาดูแลเรื่องการลดภาระค่าไฟฟ้าให้กับประชาชน ประกอบกับความกังวลในเรื่องของสัมปทานโรงไฟฟ้าใหม่ที่จะเกิดขึ้นเพิ่มเติมในประเทศไทย

.

รวมไปถึงล่าสุด GPSC แจ้งตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2566 กรณีที่โรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน ซึ่ง GPSC มีส่วนเกี่ยวข้องคือในฐานะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้รับข้อเรียกร้องต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการของสภาหอการค้านานาชาติ (International Chamber of Commerce หรือ ICC) เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2566 จากคู่สัญญาในการจัดหาถ่านหิน ภายใต้สัญญาซื้อขายและขนส่งถ่านหิน กับ เก็คโค่-วัน

.

โดยอ้างว่า เก็คโค่-วัน ผิดสัญญา CSTAs ด้วยการยกเลิกการซื้อถ่านหิน ทำให้ CSTAs ได้รับความเสียหายจำนวนประมาณ 309 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ จากสาเหตุดังกล่าวทำให้ราคาหุ้นของ GPSC ณ วันที่ 28 ปรับตัวลดลงไปกว่า 1.83%

.

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุถึงสาเหตุที่ราคาหุ้นของ GPSC ร่วงกว่า 1.8% เป็นเพราะข้อพิพาทดังกล่าวที่เกิดขึ้น ซึ่งยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน จึงคาดว่าจะยังเป็นประเด็นกดดันต่อราคาหุ้นในช่วงสั้น

.

สำหรับในมุมมองของปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจล่าสุด บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึงหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าว่า แนะนำ“ซื้อ” GPSC ราคาเป้าหมายที่ 75 บาท และ BGRIM ที่ราคาเป้าหมาย 46 บาท เนื่องจากมีประเด็นข่าวที่ทาง กกพ. เปิด Public Hearing สำหรับการปรับค่า Ft สำหรับงวด ก.ย. - ธ.ค. 2566

.

โดย กกพ. ได้มีการจัดทำกรณีศึกษาจำนวน 3 กรณี คือ 1) การปรับเพิ่มค่า Ft จำนวน +158.62 สตางค์/หน่วย 2) การคงค่า Ft ไว้ที่ระดับเดียวกับงวด พ.ค. - ส.ค. 2566 และ 3) การปรับลดค่า Ft ลงจำนวน -24.30 สตางค์/หน่วย

.

หากอิงตามกรณีศึกษาคาด กกพ. จะมีการปรับค่า Ft ตามกรณีที่ 3 ซึ่งการปรับค่า Ft ที่ระดับดังกล่าวถือเป็นการปรับลดในระดับที่ต่ำกว่าที่เราและตลาดเคยประเมินไว้ก่อนหน้า

.

ส่วนมุมมองภาวะอุตสาหกรรมในอนาคตเบื้องต้นคาดต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่มีแนวโน้มปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง (ตามราคา LNG ในตลาดโลกและปริมาณการผลิตก๊าซในอ่าวไทยที่ฟื้นตัว) จะสามารถชดเชยผลกระทบจากการปรับลดค่า Ft ได้

.

ทั้งนี้ยังคงมุมมองบวกต่อกำไรของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ในช่วงที่เหลือของปี โดยคาดกำไรไตรมาส 2/66 และไตรมาส 3/66 จะสามารถฟื้นตัวได้ต่อเนื่องทั้งจากปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ฟื้นตัว ขณะที่ไตรมาส 4/66 คาดกำไรเติบโตได้จากปีก่อน แต่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า ตามปัจจัยฤดูกาล

.

โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้น GPSC และ BGRIM ได้มีการปรับตัวลดลงมา -11% และ -9% ตามลำดับจากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายพลังงานของรัฐบาลใหม่และการปรับลดค่า Ft งวด ก.ย. - ธ.ค. 2566 ทำให้หุ้นเริ่มมี Downside จำกัดแล้ว

.

ดังนั้นเรามองว่าหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP มีโอกาสฟื้นตัวได้ในช่วงสั้นหลังค่า Ft งวด ก.ย. - ธ.ค. 2566 มีโอกาสลดลงน้อยกว่าที่เราและตลาดประเมินไว้ก่อนหน้า จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ GPSC และ BGRIM

 

 


คุณนายตื่นสาย