สรุปคดี banpu ใครไม่เข้าใจมารวมตรงนี้
สรุปโดย Wattana Stock page
ย้อนคดีความโรงไฟฟ้าหงสา BANPU (ตอนที่ 1)
7 พ.ย. 2560 / 17.36 น.
ราคาถ่านหินพุ่งทะลุระดับ 100 เหรียญ ประกอบกับราคาหุ้น BANPU ดีดตัวขึ้น สร้างความดีใจให้กับนักลงทุนที่มีหุ้นตัวนี้ อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น BANPU ต่ำกว่าราคาเหมาะสมที่นักวิเคราะห์ให้เอาไว้ค่อนข้างมาก แม้จะสมมติให้ BANPU แพ้คดีและต้องจ่ายเงินถึง 3 หมื่นกว่าล้านบาท (ตามคำตัดสินของศาลชั้นต้น) ซึ่งจะคิดเป็นมูลค่าต่อหุ้นราว 5 - 6 บาท ราคาในกระดานตอนนี้ก็ยังนับว่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็นอยู่ดี
ราคาหุ้น BANPU ถูกปกคลุมด้วยปัญหาการฟ้องร้องที่มีมูลค่าสูงมากมาอย่างยาวนาน ยังไม่นับรวมราคาถ่านหินที่ปรับตัวลงมาตามราคาน้ำมันในช่วงก่อนหน้านี้ จึงอยากมาย้อนกันว่า จุดเริ่มต้นของปัญหาการฟ้องร้องนั้นมีที่มาอย่างไร
หงสา เป็นจังหวัดหนึ่งในประเทศลาว ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ อยู่ใกล้พรมแดนไทย - ลาว ทางทิศตะวันออกของจังหวัดน่าน
ที่จังหวัดหงสานั้นมีทรัพยากรที่สำคัญก็คือ ถ่านหินลิกไนต์ ซึ่งทางการลาวต้องการพัฒนาโครงการโดยทำเหมืองถ่านหินในพื้นที่แห่งนี้ อีกทั้งสร้างโรงไฟฟ้าโดยใช้ถ่านหินที่ขุดได้จากการทำเหมืองซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกัน
ช่วงต้น ทศวรรษ 1990 ราวปี พ.ศ. 2533 บริษัทไทย - ลาว ลิกไนต์ (ประเทศไทย) หรือ TLL ร่วมกันกับรัฐบาลลาวที่จะพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินลิกไนต์ขึ้นที่จังหวังหงสาของลาว ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือใกล้พรมแดนไทย-ลาว ห่างจังหวัดน่านไปเพียง 30 กิโลเมตร
ในปี 1992 - 1993 (2535 - 2536)TLL ได้ทำสัญญากับรัฐบาลลาวในการทำเหมืองถ่านหินในจังหวัดหงสา (สัญญาการทำเหมือง Mining Contracts) จึงทำให้มีการจัดตั้งบริษัท หงสา ลิกไนต์ (ประเทศลาว) หรือ HLL ขึ้นในปี 1994 (2537)
***กฏหมายของลาว บริษัทที่จะทำธุรกิจนี้ต้องจดทะเบียนในลาว และ HLL ก็มีทางการของลาวร่วมถือหุ้นด้วย****
และในปี 1994 (2537) เช่นเดียวกัน ก็ได้มีการทำข้อตกลงในการจัดสร้างโรงไฟฟ้าขึ้น หรือที่เรียกว่า Project Development Agreement (PDA) ซึ่งให้สิทธิ TLL ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าด้วยเงินลงทุนของ TLL เองและบริหารโรงไฟฟ้าตามระยะสัมปทาน โดยใช้ถ่านหินที่ขุดได้จากเหมืองดังกล่าว
ในช่วงแรกนั้น TLL ได้เข้าทำการสำรวจ ซื้อเครื่องมือรวมถึงก่อสร้างถนนที่จะเข้าไปยังเหมืองถ่านหิน อีกทั้งพยายามที่จะหาแหล่งเงินทุนอีกทั้งเจรจาการขายไฟฟ้าให้กับรัฐบาลไทย อย่าไงรก็ตาม ในปี 1997 – 2000 (2540 - 2543) เป็นช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง ทำให้ TLL ไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนได้ อีกทั้งเงินลงทุนต่างๆก็เริ่มร่อยหรอลงไป ทำให้ไม่สามารถดำเนินการต่อได้
ปี 2004 (2547) TLL ได้ชักชวน BANPU ให้เข้าร่วมในโครงการนี้ด้วย แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุอันใด TLL ก็เป็นผูุ้ตัด BANPU ออกจากการร่วมโครงการนี้ในปี 2006 (2549)
ในปี 2006 (2549) นั่นเอง ทาง TLL ไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมได้ ทางรัฐบาลลาวจึงได้แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรไปทาง TLL แสดงความกังวลว่า TLL อาจไม่สามารถปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทำกันไว้ได้ (PDA) แต่ทาง TLL ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ จนในที่สุดทางการลาวได้ยื่นหนังสือว่า TLL ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข และยื่นหนังสือขอยกเลิกข้อตกลง PDA ในวันที่ 5 ตุลาคม 2006 (2549) หลังจากนั้นไม่นาน ทางการลาวได้ส่งจดหมายยกเลิกสัญญาเหมืองแร่ (Mining Contract) ตามมาด้วย
ทาง TLL อ้างว่า การกระทำของทางการลาวในการยกเลิกข้อตกลง PDA และสัญญาเหมืองแร่นั้น ไม่ได้เป็นไปตามขั้นตอนที่ได้ระบุเอาไว้ในข้อตกลง และยกเลิกข้อตกลงโดยปราศจากสาเหตุ ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงที่ได้ทำกันไว้
**** รายละเอียดจากคำพิพากษา United States Court of Appeals , Second Circuit ****
หลังจากนั้น 3 เดือน รัฐบาลลาวได้เข้าทำข้อตกลงในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าและเหมืองถ่านหินอีกครั้งกับ BANPU โดยมีทางการของลาวถือหุ้นร่วมด้วย 20%
นี่เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาเรื่องการฟ้องร้องระหว่าง TLL ของกลุ่มงามทวี กับรัฐบาลลาว และ TLL กับ BANPU
โดยข้อขัดแย้งระหว่าง TLL กับรัฐบาลลาวนั้น จบลงไปแล้ว โดยที่ทางการลาวไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยใดๆให้แก่ TLL
ในขณะที่การฟ้องร้องโดย TLL เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง BANPU นั้น กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นฏีกา ซึ่งเข้าสู่ปีที่ 3 และหลายคนกำลังรอผลการตัดสินกันอยู่
(ต่อตอน 2)