ห้องเม่าปีกเหล็ก

นํ้ามัน เดี้ยง!

โดย ศักดิ์
เผยแพร่ :
62 views

ราคานํ้ามัน Wti ปิดที่ 55.67 USD Per Barrel เมื่อวานนี้วันที่ 13 พฤศจิกายนปี พ.ศ 2561 ทําให้วัฏจักราคานํ้ามัน Wti เป็น ดังนี้ คือ :

1) วัฏจักร ราคานํ้ามัน Wti  ( USD Per Barrel ) :

1.1)  ปี ค.ศ 1973                                  =      3.14

1.2) ปี ค.ศ 1974                                   =     10.41 ( วิกฤตการณ์พลังงานครั้งที่ 1 )

1.3)  ปี ค.ศ 1978                                  =     12.91

1.4)  ปี ค.ศ 1979                                  =     29.19 วิกฤตการณ์พลังงานครั้งที่  2 )

1.5) ปี ค.ศ 1998                                  =    12.28

1.6)  ปี ค.ศ 2004                                  =    46.00  

1.7)  ก.ค ปี ค.ศ 2008                            =  147.00 ( วิกฤตการณ์พลังงานครั้งที่ 3 และ All Time High )

1.8)  ก.พ ปี ค.ศ 2016                            =    26.00

1.9) วันที่ 3 ตุลาคม ปี ค.ศ 2018              =    76.90 ( High รอบล่าสุด  ) ( +195.77% )

1.10) วันที่ 13 พฤศจิกายน  ปี ค.ศ 2018   =    55.67 ( -27.61% )

ผู้โพสต์คาดว่าราคานํ้ามัน Wti น่าจะอยู่ระหว่าง 26.00  - 76.90 USD  Per Barrel ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจนถึงฟองสบู่โลกแตกในปี พ.ศ 2564

สาเหตุที่ราคานํ้ามันไม่น่าจะโดดเด่น เพราะ :

1) ถึงแม้เศรษฐกิจโลกจะผ่านพ้นจุดตํ่าสุดไปแล้ว และเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาก็ปรับตัวได้ดีตั้งแต่ต้นปี พ.ศ 2559 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน แต่ราคานํ้ามัน Wti ก็ได้ตอบรับไปแล้ว โดยราคานํ้ามัน Wti ปรับตัวจากจุดตํ่าสุดในรอบก่อนที่ 26 USD Per Barrel ในช่วงต้นปี พ.ศ 2559 มาทําจุดสูงสุดในรอบนี้ที่ 76.90 USD Per Barrel เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ปี พ.ศ 2561 ซึ่งก็ได้ทําให้หุ้นที่เกี่ยวข้องกับราคานํ้ามัน Wti เช่น  PTT, PTTEP และ PTTGC เป็นต้น ได้ตอบรับไปแล้ว โดยปรับตัวขึ้นมาทําจุดสูงสุดตลอดกาลหรือจุดสูงสุดในรอบที่แล้วในช่วงครึ่งแรกของปีนี้คือปี พ.ศ 2561แล้ว

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของประเทศจีนไม่ดี ( โตตํ่ากว่า 7% ) ซึ่งเป็นผลจากสงครามการเงินโลก และสงครามการค้าโลก ระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ราคานํ้ามัน Wti จึงขาด Driven Factors หรือ ปัจจัยขับเคลื่อน ที่สําคัญที่จะมีผลทําให้ราคานํ้ามันให้ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นเหมือนในปี พ.ศ 2550 - 2551

2) Shale Oil and Shale Gas ในสหรัฐอเมริกา เป็นตัวกดดันที่ทําให้ราคานํ้ามันปรับตัวขึ้นไปไม่ได้มาก เพราะถ้าราคานํ้ามันปรับตัวเพิ่มขึ้นมากเกินไป ก็จะมีแรงจูงใจที่จะทําให้มีการผลิต Shale Oil  and Shale Gas ขึ้นมาทดแทนทันที

3) Renewable Energy ( ลม แสงแดด และ ชีวมวล ) เป็นตัวกดดันที่ทําให้ราคานํ้ามันปรับตัวขึ้นไปไม่ได้มาก เพราะถ้าราคานํ้ามันปรับตัวเพิ่มขึ้นมากเกินไป ก็จะเป็นแรงจูงใจที่จะทําให้มีการผลิต Renewable Energy ( ลม แสงแดด และ ชีวมวล ) ขึ้นมามาทดแทนทันที

ผู้โพสต์ได้ให้ความเห็นมาโดยตลอดว่าหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างน่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้นบลูชิพหรือหุ้นในกลุ่มนํ้ามัน ทั้งนี้ตั้งแต่ครึ่งหลังของปีพ.ศ 2561ไปจนถึงครึ่งหลังของปี พ.ศ 2563 เพราะสงครามการเงินโลก และ สงครามการค้าโลก ระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน และ นโยบายโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท ของรัฐบาลไทยก่อนที่ฟองสบู่โลกจะแตกในปี พ.ศ 2564 

อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นข้างต้นเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้โพสต์เอง และ ไม่สามารถรับประกันความถูกต้องได้

หมายเหตุ โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com

 

 

 


ศักดิ์