โดย Ozone Pinyo
เผยแพร่ : 
58 views
มุมมองต่อตลาด: SET กลับลงมาเคลื่อนไหวบริเวณกรอบล่าง 1660 จุด สำหรับการเคลื่อนไหว Sideways ระหว่างกรอบ 1660-1680 จุด มาระยะหนึ่ง ล่าสุดเหตุโจมตีแหล่งผลิตน้ำมันของซาอุฯ จะเป็นปัจจัยหนุนระยะสั้นต่อกลุ่มพลังงาน และหนุนให้ SET ฟื้นตัวมาเคลื่อนไหวบริเวณกรอบบนอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม แนวโน้ม SET ในภาพรวม รอการ Breakout กรอบใดกรอบหนึ่ง จะเห็นการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนขึ้น ด้านประเด็นสำคัญ รอผลการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของตลาด
กลยุทธ์การลงทุน: ปรับพอร์ต โดยแนะนำทยอยขายในกลุ่มน้ำมัน และปิโตรเคมีที่ขึ้นมาแรง และโยกเม็ดเงินเข้าในกลุ่ม Domestic Play หรือ Yield Play โดยแนะนำ CPN UV RJH DIF และ JASIF หุ้นแนะนำประจำวัน ได้แก่ BTS และ SF
ประเด็นหลัก
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นเล็กน้อย DJIA +0.14%, S&P500 -0.07%, Nasdaq -0.22% ปัจจัยหนุนจากจีนประกาศยกเว้นภาษีสินค้าเกษตรสหรัฐ รวมทั้งประเด็นที่ปธน.ทรัมป์จะจัดให้มีข้อตกลงการค้าชั่วคราว หนุนให้ตลาดอยู่ในภาวะ Risk-on สะท้อนจากแรงขายพันธบัตร หนุนให้ Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้นกว่า 30 bps ในสัปดาห์ที่แล้ว, ส่วนราคาทองคำและน้ำมันปรับลดลงก่อนเกิดเหตุโดรนโจมตีซาอุดิอาระเบีย, VIX Index ปิด -3.38%, MSCI Emerging Market ETF ปิด +0.58%, MSCI Thailand ETF ปิด -0.14%
ราคาน้ำมันพุ่งหลังเหตุโจมตีแหล่งผลิตในซาอุดิอาระเบีย โดยเช้าวันนี้ (7.00 น.) ราคาน้ำมัน WTI-F ปรับขึ้นมากกว่า 6 เหรียญต่อบาร์เรล (+11%) ส่วน Brent-F เพิ่มขึ้นมากกว่า 8 เหรียญต่อบาร์เรล (+13%) หลังเกิดเหตุโดรนโจมตีแหล่งผลิตน้ำมันในซาอุดิอาระเบีย 2 แห่งในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้กำลังการผลิตหายไปถึง 5.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือกว่า 50% ของกำลังผลิต อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ทางซาอุดิอาระเบียรายงานว่าจะสามารถกลับมาผลิตน้ำมันได้ 1 ใน 3 ของที่เสียหายไปหรือราว 2 ล้านบาร์เรลภายในสิ้นวันนี้ และจะกลับมาผลิตเต็มกำลังได้ภายในสัปดาห์นี้ ประเด็นดังกล่าวถือเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มน้ำมันและกลุ่มโรงกลั่นที่คาดว่าราคาจะปรับขึ้นได้แรง แต่น่าจะเป็นเพียงระยะสั้นๆ จึงยังแนะนำทยอยขายทำกำไรต่อ
จีนเพิ่มสินค้าเกษตรสหรัฐเป็นสินค้ายกเว้นภาษี อาทิ ถั่วเหลือง เนื้อหมู รวมเข้าไปใน 16 สินค้าที่ยกเว้นภาษี มีผลตั้งแต่ 17 ก.ย. 62 – 16 ก.ย. 63 นอกจากนี้ จีนยังสั่งซื้อถั่วเหลืองเพิ่มเติมจากสหรัฐกว่า 2.04 แสนตันในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากวันก่อนหน้าจีนเพิ่งสั่งซื้อถัวเหลืองไป 6 แสนตัน มีกำหนดส่งมอบในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค. ถือเป็นจำนวนสั่งซื้อครั้งใหญ่สุดของจีนในรอบ 1 ปี ขณะที่ปธน.ทรัมป์ ได้ออกมาส่งสัญญาณว่าอาจมีการพิจารณาทำข้อตกลงชั่วคราวกับจีน แม้ว่าที่จริงแล้วต้องการทำข้อตกลงถาวรกับจีนให้แล้วเสร็จก็ตาม ประเด็นหนุนดังกล่าวช่วยสร้างความผ่อนคลายให้กับการเจรจาการค้าที่จะเกิดขึ้นในต้นเดือนหน้า
ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยเป็นสัปดาห์ที่ 7 ด้วยมูลค่าที่ลดลง โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาขายสุทธิใน SET รวม 1.76 พันลบ. (58 ล้านเหรียญ) ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 113 ล้านเหรียญ เช่นเดียวกับเกาหลีใต้และอินโดนีเซียที่ต่างชาติขายสุทธิ 67 และ 47 ล้านเหรียญ ขณะที่ไต้หวันและฟิลิปปินส์ซื้อสุทธิ 453 และ 8 ล้านเหรียญ ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญสัปดาห์นี้ 1) 16 ก.ย. – ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ส.ค.ของจีน 2) 17 ก.ย. - ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ส.ค.ของสหรัฐ 3) 17-18 ก.ย. - ประชุม Fed 4) 18 ก.ย. – อัตราเงินเฟ้อ ส.ค. ของยุโรป, ใบอนุญาตก่อสร้างบ้าน ส.ค. ของสหรัฐ 5) 18-19 ก.ย. - ประชุม BOJ 6) 19 ก.ย. - ประชุม BOE, ยอดขายบ้านมือสอง ส.ค. ของ UK 7) 20 ก.ย. – ยอดส่งออกนำเข้า ส.ค. ของไทย, FTSE Rebalance มีผล
หุ้นแนะนำประจำวัน ได้แก่ BTS (รับ 13.20 ต้าน 14.00 cut 12.70) และ SF (รับ 6.10 ต้าน 6.45 cut 5.85) สัญญาณเทคนิคดี โดยราคายืนได้ที่แนวรับ และเริ่มฟื้นตัว
บทวิเคราะห์วันนี้
TISCO – ปรับคำแนะนำลงสู่ Neutral; เติบโตต่ำ, yield สูง
