CBG ผ่านไป 3 เดือน ดิ่ง 35%

CBG ผ่านไป 3 เดือน ดิ่ง 35%

โบรกฯ เสียงแตก แนะทั้ง “ถือ” และ “เก็งกำไร”

หลังแนวโน้มผลงานยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน

.

“กลุ่มหุ้นเครื่องดื่ม” เป็นหนึ่งในสินค้าบริโภคในช่วงที่ผ่านมา ที่ความต้องการซื้อและการจับจ่ายค่อนข้างสูงด้วยปัจจัยด้านฤดูกาลหน้าร้อนของประเทศไทย ซึ่งนอกจากอากาศที่ร้อนแรงก็ทำให้ราคาหุ้นของกลุ่มดังกล่าวมีความร้อนแรงด้วยเช่นกัน

.

แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีราคาหุ้นบางบริษัทที่ยังส่อแววไม่ดีนัก อย่าง บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG โดยจากการสำรวจข้อมูลความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในช่วง 3 เดือน (ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2566 ถึง 1 มิถุนายน 2566) พบว่ามีการปรับตัวลดลง 35.96% หรือลงมาอยู่ที่ระดับ 65 บาท

.

ดังนั้นทำให้นักลงทุนหลายๆคนที่มีความสนใจหรือกำลังมองหาโอกาสการลงทุนในหุ้น CBG อาจจะตั้งข้อสงสัยขึ้นว่าภายใต้สถานการณ์ในปัจจุบันกับราคาหุ้นที่สวนทางเช่นนี้ จะเป็นโอกาสที่ดีหรือควรจะหลีกเลี่ยง โดยในวันนี้ทาง Wealthy Thai จึงจะขอพาไปหาคำตอบกัน

.

สำหรับบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้คำแนะนำ “Trading” รอหาจังหวะเก็งกำไรในช่วงที่ราคาหุ้นย่อตัวหุ้นหรือย่อตัวไปบริเวณ 60 บาท และกำหนดให้ราคาเหมาะสมที่ 72 บาท แต่ในเชิงกลยุทธ์ยังชอบ OSP, HTC มากกว่า

.

ส่วนแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 2/66 คาดจะฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ตามการรับรู้ส่วนแบ่งตลาดในประเทศมากขึ้นและตลาดต่างประเทศที่ฟื้นตัว ประกอบกับแนวโน้มต้นทุนที่ทยอยลดลง แต่หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ยังคงมีแนวโน้มที่ลดลง เนื่องจากฐานที่สูง

.

อย่างไรก็ดีคาดหวังการฟื้นตัวของผลประกอบการได้ในช่วงครึ่งปีหลังปี 2566 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากส่วนแบ่งตลาดในประเทศที่คาดว่าจะทยอยสูงขึ้นต่อ และรายได้ธุรกิจรับจ้างจัดจำหน่ายที่สูงขึ้นและแนวโน้มราคาต้นทุนที่จะลดลงได้ชัดเจนมากขึ้น

.

ด้านบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้คำแนะนำ “ถือ” จนกว่าจะเห็นการฟื้นตัวของกำไรที่ชัดเจน แม้ว่าแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/66 จะฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้า แต่ยังชะลอตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน พร้อมกันนี้ยังปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 68.50 บาท

.

ขณะเดียวกันปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 -2567 ลง 5% เป็น 1.99 พันล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 13% สะท้อนรายได้ต่างประเทศและอัตรากำไรขั้นต้นที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด ส่วนนปี 2567 ที่ 2.41 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 21% จากรายได้ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่และมีอัพไซด์จากโรงงานในเมียนมา