ราคาหุ้นทั่วโลกรวมถึงราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น หลัง US และ China บรรลุข้อตกลงระงับสงครามการค้าชั่วคราว
เป็นที่น่าติดตามสำหรับการหารือร่วมกัน เกี่ยวกับข้อตกลงการค้าที่ยังไม่สามารถหาข้อยุติกันได้ ระหว่างสองผู้นำอย่าง ปธน. ทรัมป์ ของสหรัฐ และ ปธน. สีเจิ้นผิง ของจีน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า “การหยุดรบสงครามการค้าระหว่างกันเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย”
ตลาดหุ้นทั่วโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเปิดตลาดในวันจันทร์ หลังจากที่สหรัฐและจีน ได้ข้อยุติจากการประชุมในวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า พวกเขาจะระงับการเพิ่มภาษีนำเข้าระหว่างกันเอาไว้ก่อน โดยระหว่างนี้จะมีการหารือร่วมกันอีกครั้งเพื่อหาทางออกในประเด็นที่ยังเห็นไม่ตรงกัน
ทำให้ตลาดใหญ่อย่าง Hong Kong และ Shanghai ปรับตัวขึ้นอย่างตัวขึ้นอย่างรวดเร็วกว่า 2.5% ในวันนี้ นอกจากนั้นตลาดหุ้น London, Frankfurt และ Paris ปรับตัวขึ้นกว่า 2% ในช่วงเช้า ขณะที่ Down Jones สามารถปรับเพิ่มขึ้นถึง 500 จุด หรือคิดเป็น 2%
Tai Hui หัวหน้ากลยุทธ์การตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคของ JPMorgan ได้กล่าวว่า “ถือเป็นข่าวดีที่ Washington ได้ตระหนักถึงความเป็นไปได้ของความเสียหายที่จะเกิดขึ้นของเศรษฐกิจสหรัฐ หากมีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน”
ราคาน้ำมัน และหุ้นกลุ่มยานยนต์ปรับตัวสูงขึ้น
นอกจากตลาดหุ้นจะคึกคักแล้ว ราคาน้ำมันก็ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 4% หลังจากที่ปรับตัวลดลงมานาน เนื่องจากความกังวลที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตช้าลง ส่งผลให้ความต้องการน้ำมันลดลงด้วย
ปธน. ทั้งสองประเทศ (สหรัฐและจีน) เห็นชอบร่วมกันให้ระงับสงครามการค้าระหว่างกันชั่วคราว โดยรัฐบาลสหรัฐได้กล่าวว่า จะยังคงให้ระงับการเพิ่มภาษีนำเข้าของจีน จาก 10% เป็น 25% ซึ่งมีมูลค่ากว่า 200 พันล้านเหรียญสหรัฐ ไปจนถึงวันที่ 1 มกราคม ปีหน้า
เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน จีนจึงได้กล่าวว่าจะซื้อสินค้าทางการเกษตร พลังงาน และสินค้าอื่นๆ จากสหรัฐในจำนวนที่มากขึ้น เพื่อลดความไม่สมดุลทางการค้าระหว่างสองประเทศ
ปธน. ทรัมป์ ยังได้ทวีตเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า จีนเห็นด้วยที่จะ “ลดและเลิก” ภาษีนำเข้าของสินค้ารถยนต์ของสหรัฐ แม้ว่า Beijng จะยังไม่คอนเฟิร์มแผนดังกล่าว ราคาหุ้นในกลุ่มยานยนต์ของสหรัฐได้ปรับตัวสูงขึ้นทันที โดย BMW (BMWYY) และ Daimler (DDAIF) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ส่งออกกลุ่ม SUV จากสหรัฐไปยังจีน ได้ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 5% ในตลาด Frankfurt วันนี้
หลังจากนี้ ทั้ง Beijing และ Washington มีเวลา 90 วัน ในการหารือร่วมกันเพื่อหาทางออกในประเด็นขัดแย้งต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงประเด็นที่สหรัฐได้กล่าวหาว่า จีนบังคับให้บริษัทอเมริกาต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ รวมไปถึงการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาอีกด้วย
ความท้าทายของสองประเทศในการเจรจาร่วมกันเพื่อหาข้อยุติ
Hui ยังได้กล่าวว่า การเจรจาในประเด็นที่ยังขัดแย้งกันอยู่ถือว่าเป็นเรื่องท้าทาย ระหว่างสองประเทศ และยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ระยะเวลาเพียง 90 วัน อาจจะไม่นานเพียงพอที่จะหาข้อสรุปในหลายๆ เรื่องร่วมกันได้
ถ้าหากแผนการเจรจาตกลงร่วมกันดังกล่าวไม่สำเร็จในเวลาที่กำหนด ปธน. ทรัมป์ อาจจะดำเนินการที่จะปรับเพิ่มภาษีตามที่วางแผนไว้
Kerry Craig นักกลยุทธ์ตลาดโลกของ JP Morgan ได้กล่าวว่า แม้มีแสงสว่างอันน้อยนิด ในการหาข้อยุติร่วมกันระหว่างสองประเทศ แต่ยังถือว่าเป็นสร้างโอกาสสำหรับนักลงทุนหลายๆ คน
อย่างไรก็ตาม เขาได้เตือนว่า ต้องติดตามสถาณการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงเวลาหลังปีใหม่ และยังชี้ให้เห็นว่า การกลับไปใช้มาตรการการเพิ่มภาษี ไม่ใช่เป็นเพียงการเพิ่มอันเดียวแล้วเสร็จ มันจะเกิดสิ่งที่แย่ๆ ขึ้นมาก่อนที่จะมีสิ่งที่ดี ดังนั้น เรื่องนี้ยังคงเป็นเชื้อเพลิงให้ตลาดมีความผันผวนต่อไป...
อ้างอิง: https://edition.cnn.com/