ห้องเม่าปีกเหล็ก

MAKRO เดินหน้าลดต้นทุนทางการเงินต่อเนื่อง

โดย STAND UP
เผยแพร่ :
749 views

MAKRO คาดยอดขายปี 66 โตไม่ต่ำ 10%

ลุยเปิดแม็คโครเพิ่ม 18 สาขา-โลตัส 168 สาขา

เดินหน้าลดต้นทุนทางการเงินต่อเนื่อง

 

.

MAKRO คาดปี 66 ยอดขายแม็คโครโตไม่ต่ำกว่า 10% ส่วนโลตัสคาดเติบโตสอดคล้องกับ GDP และ CPI ของไทย พร้อมเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่อง ตั้งเป้าเปิแม็คโครในไทย 12 สาขา และต่างประเทศ 3-4 สาขา ด้านโลตัส คาดเปิดราว 168 สาขา พร้อมทุ่มงบลงทุนรวมกว่า 25,300 – 27,500 ล้านบาท พัฒนาธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีกต่อเนื่อง

.

นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ ผู้รับผิดชอบสูงสุดในสายงานบัญชีและการเงิน บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO เปิดเผยในงาน Opportunity Day ว่า ปี 2566 บริษัทคาดว่ายอดขายในส่วนของธุรกิจค้าส่ง (Wholesale) หรือแม็คโครจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปรับปรุงประสิทธิภาพในการจัดส่งสินค้าถึงผู้ประกอบการ ทำให้ความสามารถในการจัดส่งสินค้าของบริษัทเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า

.

ขณะที่ยอดขายของธุรกิจค้าปลีก (Retail) หรือโลตัสคาดว่าจะเติบโตสอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ (GDP) ที่ราว 3-4% และดัชนีราคาผู้บริโภคที่คาดว่าจะอยู่ในระดับประมาณ 6%

.

สำหรับแผนการขยายสาขาแม็คโครในปีนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดสาขาใหม่ในไทยจำนวน 12 สาขา แบ่งเป็น แม็คโคร ฟูดเซอร์วิส จำนวน 8 สาขา และแม็คโคร คลาสสิค จำนวน 4 สาขา ส่วนการขยายสาขาแม็คโครในต่างประเทศ บริษัทจะเน้นประเทศที่มีการดำเนินการอยู่แล้ว คือ อินเดีย จีน เมียนมา และกัมพูชา โดยคาดว่าจะเปิดสาขาใหม่รวมประมาณ 4-6 สาขา

.

ส่วนแผนการขยายสาขาโลตัส บริษัทมีแผนจะเปิดโลตัส ซุปเปอร์มาร์เก็ต ทั้งในไทยและมาเลเซียรวมกันประมาณ 10-14 สาขา ขณะที่โลตัส ไฮเปอร์มาร์เก็ต มีแผนจะเปิด 3-4 สาขา ซึ่งต้นปีที่ผ่านมาเปิดไปแล้ว 2 สาขา และโลตัส โกเฟรช มีแผนจะเปิดเพิ่มประมาณ 100-150 สาขา

.

ด้านงบลงทุน ในปีนี้บริษัทวางงบลงทุนรวมประมาณ 25,300 – 27,500 ล้านบาท ซึ่งจะใช้ในธุรกิจค้าส่งหรือแม็คโคร ประมาณ 13,100 – 14,100 ล้านบาท แบ่งเป็น ขยายสาขาใหม่ 6,000 – 7,000 ล้านบาท พัฒนาศูนย์กระจายสินค้า 3,100 – 4,100 ล้านบาท รวมถึงพัฒนาธุรกิจใหม่และระบบไอที 4,000 ล้านบาท

.

และส่วนธุรกิจค้าปลีกหรือโลตัส 12,200 – 13,400 ล้านบาท แบ่งเป็น ขยายสาขาใหม่ 3,700 -4,100 ล้านบาท ปรับปรุงสาขาเดิม 2,000 -2,200 ล้านบาท พัฒนาระบบดิจิทัล 1,600 – 1,800 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกราว 4,900 - 5,300 ล้านบาท จะใช้ในส่วนของธุรกิจใหม่ การบำรุงรักษา และการประหยัดพลังงาน

.

ทั้งนี้ ฐานะการเงินของบริษัทยังแข็งแกร่ง โดยเดินหน้าลดต้นทุนทางการเงินอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ชำระคืนหนี้ในรูปของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้สัดส่วนหนี้ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับลดลงมาอยู่ที่ 19% จากเดิมที่ 38% ของสัดส่วนหนี้ทั้งหมด รวมถึงทำให้สัดส่วนอัตราดอกเบี้ยลอยตัวปรับลดลงมาอยู่ที่ 50% จากเดิมที่อยู่ในระดับ 70%

 

 


STAND UP