หมายมั่นปั้นมือกันไว้เยอะว่า งานไทยแลนด์โฟกัส 2018 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 - 31 สิงหาคมที่ผ่านมา จะมีส่วนกระตุ้นให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นคึกคัก โดยหยิบยกสถิติหุ้นขึ้นหลังจัดงานในอดีตมาอ้างอิง แต่ปรากฏว่าแทบทุกฝ่ายต้องผิดหวัง
เพราะไทยแลนด์โฟกัสปีนี้ ยังไม่ออกฤทธิ์ ตลาดหุ้นไม่ได้คึกคักขึ้นแต่อย่างใด และจนถึงวันนี้ เงินทุนยังไม่ไหลเข้า
แต่ต่างชาติยังเทขายหุ้น ขนเงินออกอย่างต่อเนื่อง
ไทยแลนด์โฟกัส จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2547 โดยตลาดหลักทรัพย์เป็นเจ้าภาพ ชักชวนให้สถาบันการลงทุนทั่วไปในโลกมาพบปะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย ดึงภาครัฐเข้ามาให้ข้อมูลถึงนโยบายเศรษฐกิจ แผนการพัฒนาประเทศ เป้าหมายการเติบโตและแสดงจุดเด่นของประเทศ
การจัดงานแต่ละปี มักสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย โดยมีเงินทุนจากต่างประเทศไหลตามเข้ามา ต่างชาติมียอดซื้อสุทธิ และตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นเฉลี่ยประมาณ 3 %
ปีนี้สถาบันการลงทุนต่างประเทศ 161 แห่ง เดินทางเข้าร่วมงานไทยแลนด์โฟกัส และได้พบปะกับผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน 115 แห่ง โดย ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ทำหน้าที่ประธานเปิดงาน และปาฐกถาพิเศษเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ชาติและความคืบหน้าการปฏิรูปประเทศไทย
บรรยากาศระหว่างการจัดงานมีความคึกคัก ข่าวถูกตีแผ่อย่างต่อเนื่อง แต่ปฏิกิริยาตอบรับอย่างเป็นรูปธรรมยังไม่ปรากฏ ทั้งที่ปิดงานไปแล้วหลายวัน
ตลาดหุ้นยังไม่ได้รับอานิสงส์จากการจัดงาน ซึ่งใช้เงินงบประมาณไปไม่ใช่น้อย สถาบันการเงินลงทุน 161 แห่ง อาจไม่ได้เคลิบเคลิ้มกับการนำเสนอจุดเด่นทางด้านเศรษฐกิจ และศักยภาพของบริษัทจดทะเบียน เพราะยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่า มีเงินทุนไหลเข้ามาหลังปิดงานไทยแลนด์โฟกัส
ขณะที่นักลงทุนต่างชาติ ยังปักหลักเทขายหุ้นต่อไป และมียอดขายสุทธิต่อเนื่อง ตั้งแต่ก่อนจัดงาน ระหว่างการจัดงาน และขายไม่เลิกจนกระทั่งปิดงาน
อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แสดงตัวเลขออกมาดี จนคาดกันว่า ปีนี้จีดีพีน่าจะโตระดับ 4.5 % ได้ แต่กลับไม่ได้ทำให้เกิดแรงจูงใจการลงทุนมากนัก
นักลงทุนต่างชาติ จะมีความรู้สึกเดียวกับประชาชนส่วนใหญ่หรือไม่ โดยแม้จีดีพีอาจโตใช้ได้ แต่เศรษฐกิจที่ประชาชนสัมผัสจริงกลับซบเซาสุดขีด กำลังซื้อฟุบ ต้องอยู่กันอย่างปากกัดตีนถีบ เงินฝืดเคือง ค้าขายเงียบเหงา สิ้นหวังกับแนวโน้มเศรษฐกิจ
นักลงทุนต่างชาติอาจมองว่า ประเทศไทยยังมีความเสี่ยง แม้จีดีพีจะโตเกิน 4 % แต่เนื้อในระบบเศรษฐกิจยังเปราะบาง กำลังซื้อเหือดแห้ง และมองไม่เห็นโอกาสเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากตลาดหุ้น จึงลดน้ำหนักการลงทุนมาตลอดนับตั้งแต่ต้นปี จนมียอดขายสุทธิรวมทั้งสิ้น 202,971.45 ล้านบาท
นักลงทุนสถาบัน 161 รายที่ร่วมงานไทยแลนด์โฟกัส ถ้าเห็นโอกาสทองการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ทำไมไม่ชิงกันขนเงินมาไล่ซื้อหุ้น ซึ่งการที่ปฏิกิริยาตอบรับของต่างชาติเงียบสนิท แสดงให้เห็นว่า งานไทยแลนด์โฟกัส ไม่สามารถกล่อมนักลงทุนต่างชาติได้
แต่ละสถาบันการเงินลงทุนที่เดินทางเข้ามาร่วมงาน ต้องการมาฟังข้อมูล ต้องการมาดูการแสดงวิสัยทัศน์ผู้นำทางด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย ทั้งภาครัฐและเอกชน แต่เมื่อฟังแล้ว อาจมีความรู้สึกเฉย ๆ ไม่เห็นความแปลกใหม่ ไม่เห็นลู่ทางการลงทุนที่สดใส
ตลาดหุ้นจึงไม่ได้รับส่วนบุญใดจากไทยแลนด์โฟกัส ปี 2018 การที่งานไทยแลนด์โฟกัส ปลุกตลาดหุ้นไม่ขึ้น เป็นสิ่งที่ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ควรประเมินทิศทางการลงทุนเสียใหม่ อย่ามองโลกดีเกินไป อย่าดุ่ม ๆ กระตุ้นให้นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อหุ้น แต่ควรให้ความสำคัญกับการปกป้องนักลงทุนไม่ให้ได้รับผลกระทบจากความแปรปรวนในตลาดหุ้น
ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ ไม่อยู่ในฐานะที่จะพูดความจริงที่เลวร้ายเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดหุ้นอยู่แล้ว และกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน และอาจรวมถึงอนาคต
ก็ไม่มีใครเคยพูดความจริงที่เลวร้าย เพื่อเตือนให้นักลงทุนระวังความเสียหาย ที่จะเกิดขึ้นจากตลาดหุ้นอีกด้วย
แต่เมื่อไทยแลนด์โฟกัสสร้างปรากฏการณ์ให้เห็นแล้วว่า ต่างชาติยังไม่เชื่อมั่นในแนวโน้มตลาดหุ้นไทย ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์จึงไม่ควรกระตุ้นให้นักลงทุนขนเงินมาทุ่มใส่ตลาดหุ้น
ไม่ควรมุ่งแต่การสร้างภาพความคึกคักของบรรยากาศลงทุน โดยไม่คำนึงถึงนักลงทุนคนไทยที่อาจต้องถูกสังเวย
ปีนี้งานไทยแลนด์โฟกัสอาจปลุกหุ้นไม่ฟื้น ปีหน้ายังมีโอกาสแก้ตัวใหม่ อย่าดันทุรังกระตุ้นตลาดหุ้น และพานักลงทุนในประเทศไปเสี่ยงตายเลย
หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก คอลัมน์ " ชุมชนคนหุ้น " โดย สุนันท์ ศรีจันทรา ใน MGR Online เมื่อวันที่ 4 กันยายน ปี พ.ศ 2561
2) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com