หนี้ใคร หนี้มัน หนี้เราทุกคน? เข้าใจ “4 เส้นเลือดใหญ่ของระบบหนี้”
หลายคนอาจสับสนว่า... หนี้ต่างประเทศ หนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือน หนี้นอกระบบ ต่างกันอย่างไร?
แต่ที่แน่ๆ “หนี้” คือเส้นเลือดใหญ่ของระบบเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นระดับประเทศหรือชีวิตประจำวันของเราเอง

หนี้ต่างประเทศ (External Debt)
คือเงินที่ “ทั้งประเทศ” กู้จากต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ธนาคาร ธุรกิจ หรือครัวเรือน โดยต้องชำระคืนเป็นเงินสกุลต่างประเทศ เช่น ดอลลาร์สหรัฐฯ หนี้นี้จึงพ่วงมาด้วย “ความเสี่ยงจากค่าเงิน” และ “แรงกดดันจากต่างประเทศ” โดยตรง
ปี 2567 ไทยมีหนี้ต่างประเทศรวม 191.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แบ่งเป็น
• หนี้ระยะยาว (ชำระเกิน 1 ปี): 107.7 พันล้านดอลลาร์
• หนี้ระยะสั้น (ต้องชำระภายใน 1 ปี): 84.0 พันล้านดอลลาร์
ย้อนกลับไปปี 2540 ไทยมีหนี้ต่างประเทศระยะสั้นจำนวนมาก จนเงินสำรองไม่พอชำระหนี้ กลายเป็นจุดเริ่มของ “วิกฤตต้มยำกุ้ง”
แต่วันนี้ ไทยมีเงินสำรองมากกว่าหนี้ระยะสั้น เกือบ 3 เท่า ถือเป็นจุดแข็งสำคัญของเศรษฐกิจไทย!
หนี้สาธารณะ (Public Debt)
คือหนี้ที่ “รัฐบาลกู้” มาใช้พัฒนาประเทศ เช่น สร้างถนน รถไฟ สนามบิน โรงพยาบาล รวมถึงชดเชยงบประมาณที่ขาดดุล หนี้นี้ประชาชนอาจไม่ได้เป็นคนกู้เอง แต่ต้อง “ช่วยจ่าย” ผ่านภาษีในอนาคต
ปี 2567 หนี้สาธารณะไทยอยู่ที่ 12 ล้านล้านบาท หรือ 63.8% ของ GDP
ยังไม่เกินเพดานความเสี่ยงที่รัฐตั้งไว้ (ไม่เกิน 70%)
JP ญี่ปุ่นเป็นแชมป์โลกหนี้สาธารณะ อยู่ที่กว่า 260% ของ GDP
แต่ยังสามารถกู้ได้เรื่อย ๆ เพราะประชาชนญี่ปุ่นเองเป็นคนถือพันธบัตรรัฐบาล
ในไทยก็เช่นกัน—คนจำนวนมากปล่อยกู้ให้รัฐผ่านการซื้อพันธบัตรบนแอปเป๋าตัง!
หนี้ครัวเรือน (Household Debt)
หนี้นี้ไม่ต้องมองไกล—อยู่ในบัตรเครดิตเรา ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ กู้เรียน ฯลฯ
แม้เป็นหนี้ส่วนตัว แต่สะสมรวมกันแล้วมีผลต่อเศรษฐกิจทั้งประเทศ
เพราะถ้าประชาชนใช้หนี้เยอะ ก็ซื้อของน้อยลง หมุนเงินน้อยลง
ปี 2567 หนี้ครัวเรือนไทยพุ่งแตะ 88.4% ของ GDP สูงสุดในอาเซียน
ครัวเรือนไทยเฉลี่ยมีหนี้ ประมาณ 500,000 บาท ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ราว 15,000–20,000 บาท
สะท้อนว่าหลายครอบครัว "ใช้ก่อน ออมทีหลัง"
ไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ “รายได้ยังไม่โต แต่หนี้โตตลอด”
หากเทียบกับเยอรมนี หรือญี่ปุ่นที่มีรายได้ต่อหัวสูงกว่า หนี้ครัวเรือนไทยถือว่า “สูงผิดปกติ”
หนี้นอกระบบ (Informal Debt)
หนี้เถื่อน หนี้ด่วน หนี้นายทุน—เรียกได้หลายชื่อ แต่ความเสี่ยงเหมือนกัน
ดอกเบี้ยโหด ไม่มีสัญญา ไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
คนที่เข้าไม่ถึงสินเชื่อในระบบ มักจำใจต้องพึ่งหนี้นอกระบบ และจบลงด้วยกับดักหนี้เรื้อรัง
ไม่มีตัวเลขทางการแน่ชัด แต่คาดว่ามูลค่ารวมเกิน 500,000 ล้านบาท
พบเห็นได้ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง
ในบางตำบล มีเจ้าหนี้เพียงคนเดียว ปล่อยกู้ให้ทั้งหมู่บ้าน พร้อมดอกเบี้ยรายวัน 20% และข่มขู่หากจ่ายช้า
แม้รัฐพยายามดึงหนี้นอกระบบเข้าระบบผ่านแบงก์รัฐ
แต่ปัญหาคือ “ไม่มีเอกสาร ไม่มีหลักทรัพย์” คนส่วนใหญ่จึงยังเข้าไม่ถึงโอกาสทางการเงิน
สุดท้ายที่ควรจำ
“หนี้” ไม่ได้แค่สะท้อนการใช้จ่าย แต่วัดความมั่นคงของประเทศและประชาชน
หนี้ต่างประเทศคือสิ่งที่เราต้องดูในเวทีโลก
หนี้สาธารณะคือเครื่องมือของรัฐ
หนี้ครัวเรือนคือชีวิตของเรา
และหนี้นอกระบบ คือบาดแผลเงียบในเศรษฐกิจไทย
.
เรื่องและภาพ: ชนิยา ชัยพฤกษ์ Economist, Bnomics
════════════════
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก.. Bnomics by Bangkok Bank