ห้องเม่าปีกเหล็ก

"ดอยช์แบงก์" เขย่าโลก

โดย Durant
เผยแพร่ :
77 views

"ดอยช์แบงก์" เขย่าโลก ผวาซ้ำรอย...เลห์แมน บราเธอร์ส

 

 

 

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

 

เกิดอะไรขึ้นกับ "ดอยช์แบงก์" ธนาคารอันดับหนึ่งของเยอรมนี ทำให้เกิดกระแสตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วว่าอาจถึงขั้น "ล้มละลาย" จนหวั่นว่าจะซ้ำรอย "เลห์แมน บราเธอร์ส" เมื่อปี 2008 หนึ่งในสัญลักษณ์ของวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐ

ปัจจุบันราคาหุ้นดอยช์แบงก์ตกต่ำกว่า 50% ตั้งแต่ต้นปี และมีมูลค่าเหลือแค่ 8% ของมูลค่าสูงสุดในปี 2007 ซึ่งเคยทำสูงสุดที่ 159.59 เหรียญสหรัฐ โดยราคาร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 11 เหรียญสหรัฐ

หลังจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐสั่งปรับ "ดอยช์แบงก์" 14,000 ล้านดอลลาร์ ฐานจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (RMBS) ที่เป็นต้นเหตุของวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ช่วงปี 2007

ปัญหาของดอยช์แบงก์ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นจากกรณีค่าปรับนี้เท่านั้น สั่งสมมาจากหลายปัจจัย ตั้งแต่สถานการณ์ดอกเบี้ยต่ำจนติดลบเป็นเวลานาน ทำให้ผลประกอบการธนาคารต่าง ๆ ย่ำแย่ ที่ผ่านมาดอยช์แบงก์มีปัญหาต่าง ๆ ตั้งแต่เมษายน 2015 โดนปรับ 2,500 ล้านดอลลาร์ กรณีบิดเบือนอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารของตลาดลอนดอนในช่วงปี 2004-2015

ขณะที่ผลการดำเนินงานปี 2015 ขาดทุนสูงถึง 6,800 ล้านยูโร (ราว 2.6 แสนล้านบาท) ต้องปรับโครงสร้างธุรกิจและปิดกิจการใน 10 ประเทศ พร้อมปรับลดพนักงาน 9,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ยังสอบตกการทดสอบ Stress Test จากธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เนื่องจากการบริหารความเสี่ยงและแผนทางการเงินไม่ดี

จากเหตุการณ์ข้างต้นที่กล่าวมา ทำให้หุ้นดอยช์แบงก์ดิ่งลงเรื่อย ๆ


ปัญหามาปะทุหนักจากค่าปรับมหาศาล และเขย่าธุรกิจการเงินยุโรปและสะเทือนธุรกิจการเงินทั้งโลกหากเกิดอะไรขึ้นกับธนาคารสัญชาติเยอรมันแห่งนี้เพราะไม่มีใครรู้ว่าความเสี่ยงจะไต่ระดับสูงขึ้นเพียงใด

"จอห์นไครอัน" ซีอีโอของดอยช์แบงก์ กล่าวว่า "แม้ธนาคารยังไม่มีแผนจะขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล และไม่มีแผนเพิ่มทุน แต่ท้ายที่สุดแล้วเราเชื่อว่ารัฐบาลจะยอมยื่นมือเข้ามาช่วย เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินธนาคารไม่ให้วิกฤตเสี่ยงมากกว่าเดิม"

ตลอดช่วงสัปดาห์นี้ ดอยช์แบงก์อยู่ในช่วงเริ่มต้นการเจรจากับกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐ และคาดหวังว่าผลของการเจรจาจะนำไปสู่การลดเงินค่าปรับซึ่งคาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5.4 พันล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจำนวนไม่น้อยแสดงความกังวลว่าดอยช์แบงก์จะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการลดเงินค่าปรับจากสหรัฐได้เร็ว ๆ นี้ แม้ดอยช์แบงก์คาดหวังว่าจะได้ข้อสรุปก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้

ขณะที่ "มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส" ระบุว่า หากดอยช์แบงก์เจรจาลดค่าปรับเหลือเพียง 3.1 พันล้านดอลลาร์ จะเป็นผลบวกต่อผู้ถือหุ้นกู้ของธนาคาร แต่ถ้าต้องจ่ายค่าปรับ 5.7 พันล้านดอลลาร์ ก็จะกระทบความสามารถทำกำไรในปีนี้ แต่ไม่กระทบฐานเงินทุนทางธนาคารอย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ของบลูมเบิร์กเชื่อว่า หากท้ายที่สุดการเจรจาไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ ดอยช์แบงก์จะมีเพียง 2 ทางเลือกคือ ตัดขายสินทรัพย์เพื่อช่วยลดภาระของทางธนาคาร และทางเลือกที่สองคือ รัฐบาลเยอรมันอาจต้องเข้าอุ้มด้วยการถือหุ้น 25%

ด้าน "พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร กล่าวว่า ปัญหาของดอยช์แบงก์ในขณะนี้มองได้ 4 ระดับคือ หนึ่ง ปัญหาความสามารถทำกำไรต่ำ และหนี้สินต่อทุน (D/E) สูงถึง 10.8 เท่า เกินกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ฝ่ายกำกับดูแลสถาบันการเงินกำหนด

สอง ปัญหาจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐมีคำสั่งปรับ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ หากถูกปรับเต็มจำนวนจะเป็นปัญหาใหญ่ ระดับที่สาม หากปัญหาข้างต้นไม่มีทางออกที่ดี อาจส่งผลให้ประสบปัญหาสภาพคล่องได้ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะดอยช์แบงก์ยังมีสินทรัพย์อยู่เยอะ ถ้ามีปัญหาจริง ๆ เชื่อว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะเข้ามาช่วยด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องให้ในที่สุด

สี่ ในกรณีที่เลวร้าย หากปัญหาบานปลายลูกค้าหรือคู่ค้าขาดความเชื่อมั่น จนทำให้ดอยช์แบงก์ต้องแก้ปัญหาด้วยการขายหุ้น "เพิ่มทุน" ก็อาจจะไม่มีใครเข้าซื้อหุ้น ซึ่งถ้าถึงขั้นนั้นก็อยู่ที่ว่าอีซีบีจะเข้ามามีบทบาทอย่างไร เพราะดอยช์แบงก์เป็นสถาบันการเงินที่ "ใหญ่เกินจะปล่อยให้ล้มได้" ซึ่งก็ขึ้นอยู่ที่ว่ารัฐบาลเยอรมันจะเข้ามาอุ้มหรือไม่ และเรื่องนี้อาจนำไปสู่ประเด็นทางการเมืองในช่วงที่เยอรมนีกำลังจะมีการเลือกตั้งในปีหน้า และหากปัญหามาถึงขั้นนี้ ก็น่าจะส่งผลต่อตราสารบางตัวที่ดอยช์แบงก์ขายให้นักลงทุน เช่น CoCo Bond ที่มีนักลงทุนไทยจำนวนหนึ่งถืออยู่ เป็นต้น

ด้าน "รณดล นุ่มนนท์" ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงได้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดกับระบบสถาบันการเงินไทย ซึ่งพบว่าธุรกรรมที่ดอยช์แบงก์ทำกับธนาคารพาณิชย์ไทย ส่วนใหญ่เป็นการทำธุรกรรมเพื่อให้สภาพคล่องเงินตราต่างประเทศ โดยเป็นตราสารอนุพันธ์ที่ไม่ซับซ้อน ซึ่งหากดอยช์แบงก์ประสบปัญหา รายการเหล่านั้นก็มีข้อตกลงที่ต้องวางหลักประกันเพื่อจำกัดความเสียหายต่อคู่สัญญาอยู่แล้ว

ขณะเดียวกันธปท.ยังได้ประสานงานกับอีซีบีทำให้ได้ข้อมูลว่า ฐานะและสภาพคล่องของดอยช์แบงก์ยังไม่น่าเป็นห่วง และมีความเป็นไปได้ว่าจะสามารถเจรจาปรับลดค่าปรับลงได้ อย่างไรก็ดี ธปท.จะติดตามสถานการณ์ของดอยช์แบงก์และอีซีบีให้ถี่และใกล้ชิดมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ปัญหาของดอยช์แบงก์อาจเป็นเพียงการส่งสัญญาณระลอกเล็ก ๆ ถึงเหตุร้าย เพราะขนาดความเสียหายที่เมื่อเทียบกันแล้ว ดอยช์แบงก์ถือว่าอยู่ในระดับความเสี่ยงที่มีขนาดใหญ่กว่าเลห์แมนฯมากนัก ทั้งแรงกระเพื่อมที่ส่งผลกระทบต่อธนาคารในยุโรปหลายแห่ง

 

 

 

ขอบคุณที่มาข้อมูลจาก

 


Durant