ห้องเม่าปีกเหล็ก

6 หุ้นมีโอกาสเฉิดฉาย

โดย theMENU
เผยแพร่ :
96 views

เปิดโผ 6 หุ้นมีโอกาสเฉิดฉาย

หลัง HFT ถูกจำกัดเหลือ SET100

.

ในช่วงที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเร่งดำเนินมาตรการเพื่อสร้างเสถียรภาพและความมั่นใจให้นักลงทุนรายย่อย โดยหนึ่งในมาตรการสำคัญที่ประกาศล่าสุด คือ การกำหนดให้ผู้ลงทุนกลุ่ม High-Frequency Trading (HFT) สามารถซื้อหลักทรัพย์ได้เฉพาะหลักทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูง เพื่อลดความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ขนาดกลางและเล็กที่อาจไม่มีสภาพคล่องในการซื้อขายอย่างเพียงพอ โดยกำหนดให้สามารถซื้อขายได้เฉพาะหุ้นในดัชนี SET100 เท่านั้น ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคมเป็นต้นไป

.

ทั้งนี้ บทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุ ประเด็นนี้หนุนให้หุ้นขนาดเล็ก อย่าง sSET หรือ mai ที่ Underperform มาตลอด มีโอกาสผันผวนน้อยลง ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ จึงทำการค้นหาหุ้นนอก SET100 ที่มักมี Program Trade เข้ามาซื้อขายคึกคัก และบางครั้งก็กดดันราคาในปีนี้ โดยเชื่อว่าหุ้นดังกล่าวมีโอกาสฟื้นขึ้นมาได้ แนะนำ Trading หุ้น CPAXT, STECON, PTG, PSL, THCOM, TKN เป็นต้น

.

 

เริ่มที่คำแนะนำ “Neutral” สำหรับ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT จากบล.เอเซีย พลัส ด้วยราคาเป้าหมาย 29.50 บาท โดยกําไรไตรมาส 1/68 มีสัดส่วน 22% ของคาดการณ์ทั้งปี อีกทั้งฝ่ายวิจัยมีความกังวลมากขึ้นต่อเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี ซึ่งจะกดดันกําลังซื้อ ทําให้ปรับลดประมาณการกําไรปี 2568 ลง 11% เหลือ 1.1 หมื่นล้านบาท (+8% จากปีก่อน)

.

สำหรับราคาหุ้น ณ วันที่ 3 ก.ค.68 ปิดตลาดที่ระดับ 19.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.50% จากวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 191.60 ล้านบาท คิดเป็นอัพไซด์จากราคาเป้าหมาย 53.65% ทั้งนี้ หากนับจากต้นปีราคาหุ้นปรับตัวลดลงไปแล้ว 26.15% จากระดับ 26.00 บาท ณ วันที่ 2 ม.ค. 68

.

ขณะที่บล.เอเซีย พลัส แนะนำ “Outperform” บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ STECON ด้วยราคาเป้าหมาย 8.80 บาท ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 1/68 พลิกเป็นกำไรโดดเด่นแม้ไม่รวมเงินปันผลที่รับจาก Gulf มองเห็นพัฒนาการเชิงบวกหลายด้าน หากยังรักษาโมเมนตัมเรื่อง margin ได้ และมีการเร่งตัวของรายได้ตามแผน ก็มีโอกาสที่ STECON จะทำกำไรได้สูงกว่าที่ฝ่ายวิจัยประเมิน อีกทั้งในช่วงระหว่างไตรมาส 2-3/68 มีลุ้นข่าวดีหลายเรื่อง ทั้งเงินประกันภัยจากโครงการอุโมงค์บึงหนองบอน การไม่ต้องรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพู รวมถึงโอกาสที่จะได้รับงานใหม่เพิ่มเติม

.

สำหรับราคาหุ้น ณ วันที่ 3 ก.ค.68 ปิดตลาดที่ระดับ 6.20 บาท เพิ่มขึ้น 4.20% จากวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 38.07 ล้านบาท คิดเป็นอัพไซด์จากราคาเป้าหมาย 41.94% ทั้งนี้ หากนับจากต้นปีราคาหุ้นปรับตัวลดลง 15.65% จากระดับ 7.35 บาท ณ วันที่ 2 ม.ค. 68

.

ส่วน บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG บล.เอเซีย พลัส แนะนำ “Outperform” ด้วยราคาเป้าหมาย 8.50 บาท ทั้งนี้ ปรับลดประมาณการกําไรปี 2568-69 ลง 5.0% และ 4.7% จากเดิมมาอยู่ที่ 1.2 และ 1.4 พันล้านบาท ตามลําดับเพื่อสะท้อนการปรับลดปริมาณขายน้ํามันลงจากเดิม เฉลี่ยปีละ 5.0% มาอยู่ที่ 7.0 และ 7.4 พันล้านลิตร ตามลําดับ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดในปัจจุบันที่มีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ภายใต้หลักความระมัดระวัง

.

สำหรับราคาหุ้น ณ วันที่ 3 ก.ค.68 ปิดตลาดที่ระดับ 5.90 บาท ลดลง 2.61% จากวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 20.27 ล้านบาท คิดเป็นอัพไซด์จากราคาเป้าหมาย 44.07% ทั้งนี้ หากนับจากต้นปีราคาหุ้นปรับตัวลดลงไปแล้ว 29.34% จากระดับ 8.35 บาท ณ วันที่ 2 ม.ค. 68

.

ด้าน บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ “ขาย” ด้วยราคาเป้าหมาย 5.40 บาท ทั้งนี้ แนวโน้มไตรมาส 2/68 คาดว่าน่าจะมีกำไรแบบอ่อน ๆ ค่าระวางเรือเริ่มฟื้นตั้งแต่เดือน มี.ค. จากการ Restock ของผู้นำเข้าสินค้าชั่วคราว ดัชนี BHSI เฉลี่ย 2QTD ที่ 578 จุด (+14.7% จากไตรมาสก่อน, -20.2% จากปีก่อน) BSI เฉลี่ยที่ 958 จุด (+16.7% จากไตรมาสก่อน, -29.8% จากปีก่อน) แต่การค้าโลกที่ยังเผชิญความเสี่ยง ขณะที่ Supply ของเรือเพิ่มขึ้น

.

สำหรับราคาหุ้น ณ วันที่ 3 ก.ค.68 ปิดตลาดที่ระดับ 5.90 บาท เพิ่มขึ้น 2.61% จากวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 5.84 ล้านบาท คิดเป็นอัพไซด์จากราคาเป้าหมาย -8.47% ทั้งนี้ หากนับจากต้นปีราคาหุ้นปรับตัวลดลงไปแล้ว 12.59% จากระดับ 6.75 บาท ณ วันที่ 2 ม.ค. 68

.

ขณะเดียวกัน บล.หยวนต้า แนะนำ “ซื้อ” บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM ด้วยราคาเป้าหมาย 13.50 บาท พร้อมทั้งคงประมาณการปี 2568 ที่148 ล้านบาท (+35% จากปีก่อน) โดยคาดว่าผลประกอบการหลักจะดีขึ้นในไตรมาส 2/68 จากการรับรู้รายได้ USO เฟส 2 เพิ่มขึ้น และเริ่มรับรู้รายได้ลูกค้าอินเดียและลุ้นการประมูลงาน USO เฟส 3 ที่หากเกิดขึ้นได้เร็วจะหนุนรายได้ฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง 2568

.

สำหรับราคาหุ้น ณ วันที่ 3 ก.ค.68 ปิดตลาดที่ระดับ 7.50 บาท ลดลง 2.04% จากวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 21.76 ล้านบาท คิดเป็นอัพไซด์จากราคาเป้าหมาย 80% ทั้งนี้ หากนับจากต้นปีราคาหุ้นปรับตัวลดลงไปแล้ว 40.48% จากระดับ 12.60 บาท ณ วันที่ 2 ม.ค. 68

.

ปิดท้ายด้วยคำแนะนำ “ขาย” บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN จาก บล.กรุงศรี ด้วยราคาเป้าหมาย 6.00 บาท ทั้งนี้ เชื่อว่าแนวโน้มไตรมาส 2/68 ยังคงไม่แน่นอนเนื่องจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศที่ยังคงดำเนินอยู่ นอกจากนี้ ยังยากที่จะคาดการณ์ราคาสาหร่าย และความผันผวนอาจส่งผลกระทบต่อผลกำไรของ TKN

.

สำหรับราคาหุ้น ณ วันที่ 3 ก.ค.68 ปิดตลาดที่ระดับ 5.65 บาท เพิ่มขึ้น 3.67% จากวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 34.72 ล้านบาท คิดเป็นอัพไซด์จากราคาเป้าหมาย 6.19% ทั้งนี้ หากนับจากต้นปีราคาหุ้นปรับตัวลดลงไปแล้ว 29.81% จากระดับ 8.05 บาท ณ วันที่ 2 ม.ค. 68

 

 

ที่มา… Wealthy Thai


theMENU