จับจังหวะลงทุน เฟ้นหาหุ้นรับอานิสงส์
อิงนโยบาย 6 พรรคการเมืองใหญ่

.
การเมืองประเทศถือว่าใกล้เข้าช่วงถึงการเลือกตั้งครั้งใหญ่เข้าไปทุกที ซึ่งแน่นอนว่าในปัจจุบันเราจะเริ่มเห็นนโยบายของพรรคเมืองออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงคะแนนเสียงของประชาชน ก่อนที่จะถึงช่วงลงพื้นที่และการเลือกตั้งจริงที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้
.
อย่างไรก็ดีปัจจัยดังกล่าว นอกจากจะมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจหลังจากนี้ ในแง่ของตลาดทุนเองก็ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อบริษัทจดทะเบียนและกระแสการลงทุนต่อจากนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งในวันนี้ทาง Wealthy Thai จึงได้ทำการรวบรวมนโยบายของ 6 ตัวเต็งพรรคเมืองและหุ้นที่จะได้รับประโยชน์มานำเสนอให้แก่ผู้อ่านและนักลงทุนที่สนใจ
.
โดยบทวิเคราะห์จากบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ได้ให้มุมมองว่านโยบายของพรรคการเมืองในภาพกว้าง ยังเน้นไปที่การยกระดับการจ้างงาน และการลดความเหลื่อมล้ำ โดยการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน การบริการทางการแพทย์ และช่วยลดค่าครองชีพ
.
นอกจากนี้จะเริ่มเห็นนโยบายใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลดการใช้พลังงาน ลดคาร์บอน และสนับสนุน EV Car รวมถึง Solar rooftop ซึ่งเราเชื่อว่าจะเห็นการออกนโยบายที่เข้มข้นมากขึ้นอีก โดยเฉพาะนโยบายที่เกี่ยวข้องกับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง
.
ทั้งนี้ ถ้าเชื่อมโยงมายังการลงทุนในตลาดหุ้นไทย หากนโยบายต่างๆเกิดขึ้นจริง จะเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นโดยภาพรวมจากการกระตุ้นกำลังซื้อและการลงทุนให้เร่งตัวขึ้น ตามจังหวะการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านกลไกของแต่ละมาตรการ
.
ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์ยังเชื่อมโยงกับการบริโภคในประเทศเป็นหลัก เช่น กลุ่มค้าปลีก, ไฟแนนซ์, การแพทย์, อาหารเครื่องดื่ม, สินค้าอุปโภคบริโภค, รวมถึง ผู้ให้บริการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป เช่น GUNKUL SSP, ผู้ผลิตรถโดยสารไฟฟ้า เช่น EA, ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เช่น MTW, ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์ เช่น BIZ เป็นต้น
.
สำหรับข้อมูลของนโยบายพรรคการเมืองที่เริ่มใช้ในการหาเสียง และกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์ หากนโยบายเหล่านั้นเกิดขึ้นจริงไว้ตามตารางด้านล่าง ซึ่งคาดว่าจังหวะของการเก็งกำไรที่ดีจะเกิดขึ้นในช่วง 3 เวลา คือ 1.เมื่อรัฐบาลมีการประกาศยุบสภาฯ หากไม่ประกาศยุบสภาฯ คาดว่ามีแรงเก็งกำไรในช่วงเห็นผลโพลโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง 7 พ.ค. และช่วงหลังเลือกตั้งที่เริ่มมีความชัดเจนว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะประกอบด้วยพรรคการเมืองใด
.
ข้อมูลนโยบายหาเสียงด้านเศรษฐกิจที่สำคัญของ 6 พรรค
เริ่มกันที่ พรรคเพื่อไทย ได้แก่ ค่าแรง 600 บาท/วัน, เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท/เดือน ภายในปี 2570, ยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค, ส่งเสริมพลังงานแสงอาทิตย์ในครัวเรือน สำหรับกลุ่มหุ้นหรืออุตสาหกรรมที่จะได้รับประโยชน์ กลุ่มค้าปลีก, ไฟแนนซ์, การแพทย์,อาหารเครื่องดื่ม, สินค้าอุปโภคบริโภค และโซลาร์รูฟท็อป เช่น GUNKUL, SSP
.
ด้าน พลังประชารัฐ ได้แก่ บัตรประชารัฐ 700 บาท, ลดค่าแก๊สหุงต้ม, และค่าเดินทาง สำหรับกลุ่มหุ้นหรืออุตสาหกรรมที่จะได้รับประโยชน์ กลุ่มค้าปลีก, ไฟแนนซ์,อาหารเครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคบริโภค
.
ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ได้แก่ นโยบายพลังงานสะอาด ลดรายจ่าย ฟรีหลังคาโซล่าเซลล์ คาดว่าจะช่วยลดค่าไฟฟ้าหลังละ 450 บาท, มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ผ่อนเดือนละ 100 บาท 60 งวด, มีศูนย์ฟอกไตเทียมทุกอำเภอ, เครื่องฉายรังสีรักษาโรคมะเร็งทุกจังหวัด, พักหนี้ 3 ปี หยุดต้นปลอดดอกเบี้ย สำหรับกลุ่มหุ้นหรืออุตสาหกรรมที่จะได้รับประโยชน์ กลุ่มค้าปลีก, ไฟแนนซ์, การแพทย์,อาหารเครื่องดื่ม, สินค้าอุปโภคบริโภค, โซลาร์รูฟท็อป เช่น GUNKUL, SSP ,ผู้ผลิตมอเตอร์ไซต์ไฟฟ้า เช่น MTW และผู้จำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์ เช่น BIZ
.
ส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ได้แก่ การประกันรายได้พืชผลการเกษตร 30,000 บาทต่อ 1 ครัวเรือน,ธนาคารหมู่บ้านและชุมชนแห่งละ 2 ล้านบาททั้งประเทศ, ฟรีนมโรงเรียน 365 วัน ,ออกโฉนดที่ดิน 1 ล้านแปลง ภายใน 4 ปี ,ออกกรรมสิทธิ์ทำกินให้ผู้ทำกินในที่ดินของรัฐ ,ประมงท้องถิ่นรับ 100,000 บาท ทุกปี และปลดล็อค ประมงพาณิชย์ ภายใต้ IUU สำหรับกลุ่มหุ้นหรืออุตสาหกรรมที่จะได้รับประโยชน์ กลุ่มค้าปลีก, ไฟแนนซ์,สินค้าเกษตร,อาหารเครื่องดื่มและสินค้าอุปโภคบริโภค
.
ฟาก พรรคก้าวไกล ได้แก่ หวยใบเสร็จช่วย SME ซื้อของรายย่อย ลุ้นเงินล้าน, สวัสดิการลดเหลื่อมล้ำเด็กเล็ก 1,200 บาทต่อเดือน ผู้สูงวัย 3,000 บาทต่อเดือน, คืนที่ดินประชาชน 10 ล้านไร่ เปลี่ยนสปก.นายทุนเป็นโฉนดให้เกษตรกร ,ลดค่าไฟทันที 70 สตางค์/หน่วย เฉลี่ยบ้านละ 150 บาท/เดือน ,รถเมล์ไฟฟ้าทุกจังหวัด น้ำประปาดื่มได้,สร้างงาน ซ่อมประเทศ 1 ล้านตำแหน่ง และปักธงไทยในอุตสาหกรรมชิปและสมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ สร้างเทคโนโลยีของตัวเอง
.
สำหรับกลุ่มหุ้นหรืออุตสาหกรรมที่จะได้รับประโยชน์ กลุ่มค้าปลีก, ไฟแนนซ์, อาหารเครื่องดื่ม, สินค้าอุปโภคบริโภค,ผู้ผลิตรถโดยสารไฟฟ้า เช่น EA ,วัสดุก่อสร้าง เช่น TASCO, SCC ,ผู้ตรวจคาร์บอน เช่น PPS, TEAMG และนิคมอุตสาหกรรม เช่น WHA, AMATA
.
สุดท้าย พรรคชาติพัฒนากล้า ได้แก่ ยกเลิกแบล็กลิสต์ยูโร รื้อระบบสินเชื่อ แก้กฎหมายใช้ CreditScore ช่วยคน 5.5 ล้านราย ,ฟื้นฟูและสร้างเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน รายได้ 5 ล้านล้านบาทต่อปี และภาษีเป็นธรรมเพื่อคนทำงาน ลดภาษีบุคคล เงินเดือน 40,000 บาทแรกไม่ต้องเสีย ถ้ารายได้สูงกว่านั้นให้ลดเป็นขั้นบันได สำหรับกลุ่มหุ้นหรืออุตสาหกรรมที่จะได้รับประโยชน์ กลุ่มค้าปลีก,อาหารเครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคบริโภค


