ห้องเม่าปีกเหล็ก

คัดมาให้! 3 หุ้นเด่น

โดย dave
เผยแพร่ :
293 views

คัดมาให้! 3 หุ้นเด่น

พื้นฐานดี แถมปันผลสูงเกิน 5%

.

การเลือกลงทุนในหุ้นซักตัวต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง พื้นฐานของบริษัทแข็งแกร่ง มีแนวโน้มการดำเนินงานที่ดี และมีโอกาสเติบโตในอนาคต นอกจากนี้หากมีศักยภาพในการปันผลสูงยิ่งน่าสนใจ แต่การเฟ้นหาหุ้นในสภาวะตลาดที่มีความผันผวนอาจต้องใช้ความระมัดระวังและอาศัยจังหวะการลงทุนที่เหมาะสม ดังนั้น Wealthy Thai จึงมี 3 หุ้นพื้นฐานดีและมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) สูงกว่า 5% มากฝาก

.

โดยบทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ระบุว่า มองความเสี่ยงทั้งในประเทศและต่างประเทศยังกดดันการลงทุน ทำให้ SET มี Upside จำกัด กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมหุ้นพื้นฐานดี ได้แก่ TISCO, LH และ AP ซึ่งคาดว่ายังมีศักยภาพในการจ่ายเงินปันผลสูง โดยประเมินให้ Dividend Yield ปี 2566 มากกว่าปีละ 5%

.

สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานของ TISCO บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาด TISCO จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/66 ในวันที่ 12-13 ก.ค. นี้ โดยคาดว่ากำไรจะลดลง 4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลง จากรับรู้กำไรจากการลงทุน (FVTPL) ที่ลดลง และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) เพิ่มขึ้น ตามการขยายสาขาของสมหวัง

.

ส่วนเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าคาดกำไรจะลดลง 1% เพราะค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) เพิ่มขึ้น จากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อรวม การขยายสินเชื่อไปยังกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง และคุณภาพสินทรัพย์อ่อนแอลง โดย NPL Ratio อยู่ที่ 2.20% เพิ่มขึ้นจาก 2.13% ในไตรมาส 1/66 ด้าน Coverage Ratio คงระดับสูงที่ 240% ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้าที่ 248%

.

ขณะเดียวกันคาดกำไรไตรมาส 3/66 จะทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาส 2/66 โดยภาพรวมมองว่ารายได้รวมเติบโต แต่ถูกชดเชยจากค่าใช้จ่ายรวมที่เพิ่มขึ้น ฝ่ายวิเคราะห์คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 7.52 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน คงคำแนะนำ ซื้อ และคงราคาเป้าหมายที่ 125 บาท จุดเด่นของ TISCO คือมีปันผลเด่นคิดเป็น Dividend Yield 7-8% ต่อปี

.

ถัดมา LH บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดรายได้จากธุรกิจให้เช่าและโรงแรมปี 2566 ที่ 7.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% จากปีก่อน จากไตรมาส 1/66 มีรายได้พุ่งขึ้นที่ 1.8 พันล้านบาท โต 172% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 25% ของเป้าบริษัทปีนี้

.

ในแง่บวก LH กำลังจะขายโรงแรม 2 แห่งที่พัทยา (Grand Centre Point และ Grand Centre Point Space) ก่อนสิ้นปีนี้ จากเดิมเคยแจ้งว่าจะขายสินทรัพย์เพียงแห่งเดียวเข้าทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL REIT) ทำให้ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่ากำไรจะมี upside จากการขายเงินลงทุนในปี 2566

.

นอกจากนั้น ธุรกิจให้เช่า 3 แห่งในประเทศไทยที่ LH พัฒนาอยู่มีมูลค่ารวม 9 พันล้านบาท จะเปิดตัวช่วงปี 2566-2569 และมีแผนซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่าใหม่ในสหรัฐอีกด้วย ทั้งนี้ คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66 จะเป็นจุดต่ำสุดในปี โดยมีโมเมนตัมฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้า แต่ยังลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่คาดกำไรสูงสุดของปีนี้จะอยู่ในไตรมาส 4/66 และรวมกำไรจากการขายเงินลงทุน (divestment gains) ที่สูงมาก

.

ประเมินราคาเป้าหมายปี 2566 ใหม่ที่ 9.84 บาท (ธุรกิจหลัก 5.5 บาท และธุรกิจลงทุน 4.3 บาท) นอกจากนั้นยังคาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2566-2567 สูงขึ้นที่ 8% ต่อปี เทียบกับเฉลี่ย 6% ต่อปี ในช่วงปี 2563-2565 และยังคงคำแนะนำซื้อ

.

และ AP บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า พลีเซลในไตรมาส 2/66 รวม 1.26 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น14.7% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 0.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ครึ่งปีแรกมียอดขายสะสม 2.36 หมื่นล้านบาท แม้คิดเป็น 41% และ 44% ของเป้าบริษัทปีนี้ที่ 5.8 หมื่นล้านบาท และ 5.4 หมื่นล้านบาทของฝ่ายวิจัยตามลําดับ

.

แต่ด้วยกําหนดเปิดโครงการใหม่ในครึ่งปีหลังจํานวน 40 โครงการ มูลค่า 5.67 หมื่นล้านบาท เทียบกับครึ่งปีแรกที่เปิด 18 โครงการ มูลค่า 2.03 หมื่นล้านบาท โดยเป็นคอนโดฯ 3 โครงการ รวม 8.3 พันล้านบาท ที่เหลือเป็นแนวราบ คาดเป็นส่วนช่วยผลักดันยอดขายครึ่งปีหลังเร่งตัวมากขึ้น

.

จากการดําเนินงานรายไตรมาสที่จะเป็นขาขึ้นในปีนี้ทั้งในเชิงการสร้างยอดขายตามแผนเปิดโครงการใหม่ และทิศทางกําไรปกติที่มีแรงหนุนจาก Backlog แนวราบระดับสูง รวมถึงการส่งมอบ 2 คอนโดฯ ใหม่ในไตรมาส 3/66 จะเข้ามาผลักดันกําไรปกติปี 2566 ทํา New High ต่อเนื่องที่ 6.09 พันล้านบาท โต 5% จากปีก่อน

.

นอกจากนี้ความน่าสนใจของ Valuation ที่มี PER ซื้อขาย 6 เท่า และ Dividend Yield เฉลี่ย 6% ต่อปี (จ่ายปีละครั้ง) ทําให้ AP คงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีสุดของกลุ่มอสังหาฯ จึงแนะนํา Outperform ที่ราคาเป้าหมาย 15.50 บาท (อิง PER 8 เท่า)

 

 


dave