เจาะมุมมองธุรกิจ "เมย์" "แม่ทัพ " สองพี่น้องเจ้าของ After You
“After You” คาเฟ่ขนมหวาน (Dessert Café) เจ้าแรกในตลาด ที่เน้นเจาะกลุ่ม Premium Mass จับตลาดผู้บริโภคระดับกลาง ที่ต้องการบริโภคของดูดี ในราคาจับต้องได้ มีรสนิยมในการจับจ่ายใช้สอย จากสาขาแรกที่ J Avenue ทองหล่อ จนปัจจุบันมีอยู่ 15 สาขา และมีแผนที่จะขยายไปได้ถึง 20 สาขาในกรุงเทพฯ
ทำไมอาฟเตอร์ยูถึง “แตกต่าง” ทั้งที่ประเทศไทยก็มีร้านขนมหวานอยู่เต็มไปหมด ทั้งสัญชาติไทย สัญชาตินอก ราคาถูก ไปจนสูงลิบ ส่วนผสมแรก ที่ไขความสำเร็จสู่อาฟเตอร์ยู คือความลงตัวของผู้ก่อตั้งที่มาจาก สองมุม สองความต่าง ทั้ง “กุลพัชร์” (เมย์) ผู้ชอบทำขนม มีพรสวรรค์ และมีประสบการณ์ลิ้มรสขนมอร่อยมาแล้วทั่วโลก เธอจึงมีไอเดียหลากหลายในการสร้างสรรค์ขนมให้ถูกปากคนไทย ส่วน “แม่ทัพ” ที่ไม่รู้เรื่องขนมเอาเลย แต่เขาก็เชี่ยวชาญเรื่องการบริหาร คอยดูแลทั้งด้านบริหารธุรกิจ พัฒนาคน บัญชี การเงิน บริหารสต็อก รวมไปถึง การตรวจสอบคุณภาพ แบ่งหน้าที่กันชัด และไม่ก้าวก่ายการทำงานของกันและกัน
“การตลาดแบบอาฟเตอร์ยู คือ ไม่ทำเลย เพราะไม่ชอบให้คนมาชอบเราแบบฉาบฉวย ถ้าเขาจะรักเรา อยากให้เขารักที่โพรดักส์ดี บริการดี บรรยากาศดี ฯลฯ ไม่ใช่มาเพราะ ราคาถูก หรือเห็นสื่อแล้วหลอนจนต้องมา อาจมีแค่จุดแรกเท่านั้นที่เราอยากให้ลูกค้าได้มาลอง เพราะถ้าเขาชอบแล้ว เขาจะไปบอกต่อเอง” พวกเขาบอกความเชื่อ
จากโพรดักส์ที่ต้อง “เป๊ะ” มาสู่ “บริการที่ดี” ซึ่งสิ่งสำคัญคือการดูแลคนให้ดี เพื่อที่จะได้ให้บริการที่มาจากใจ โดยต้องทำบรรยากาศการทำงานให้ดี ที่ทำงานดี หัวหน้าดี เงินดี สวัสดิการดี คุณภาพชีวิตดี เหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นของพนักงานผู้ให้บริการที่ดีทั้งสิ้น
ปิดท้ายกับการทำสิ่งเล็กๆ ให้เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ แม่ทัพบอกว่า ทุกงานใหญ่ ล้วนเกิดจากรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ร้อยเรียงเข้าด้วยกัน ฉะนั้นจะเกิดงานใหญ่ได้ ต้องเริ่มจากทำทุกสิ่งเล็กให้ดีที่สุด ถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ ยั่งยืน มั่นคง และมีที่มาที่ไป จากเรื่องเล็ก หลอมรวมให้อาฟเตอร์ยู กลายเป็นแบรนด์ที่มีเสน่ห์ และมีคนรัก จนวันนี้พวกเขาพิสูจน์ความสำเร็จด้วยการคว้ารางวัล Bai Po Business Awards by Sasin ครั้งที่ 11 ในมิติการบริหารจัดการด้านสินค้าและบริการที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า การบริหารจัดการด้านการปฏิบัติการ และการสร้างธุรกิจด้วยพลังแห่งการเป็นผู้ประกอบการ ขึ้นแท่นเอสเอ็มอีพันธุ์แกร่งได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ในฐานะตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่ปลุกปั้นธุรกิจจนสำเร็จ พวกเขาบอกว่า ใครคิดจะทำธุรกิจขนม ต้องลองถามตัวเองดูก่อนว่า ชอบทำขนม หรือชอบขายของ เพราะสิ่งสำคัญกว่าการชอบทำนั้นคือต้องชอบขายด้วย เพราะถ้าไม่มีหัวการค้าเลย การทำธุรกิจให้สำเร็จนั้นยากมาก หากใครไม่มีมิตินี้ ก็ต้องไปหาพาร์ทเนอร์ที่มีมาเติมเต็ม ถ้าพร้อมแล้วก็ขอให้ทำทันที อย่าคิดเยอะ จงลงมือทำ และปรับไปเรื่อยๆ เพราะคงไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบตั้งแต่วันแรก
ขณะการคิดไอเดียอะไรออกมา ขอให้คิดเหมือนเด็ก คือคิดโดยไม่มีกรอบ แต่เวลาทำ ให้ทำเหมือนผู้ใหญ่ ต้องคิดให้รอบคอบ มีแผน และลงมือทำจริงจัง ที่สำคัญต้องใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพื่อไปสู่ความสำเร็จ
เรียบเรียง : Yoo
อ้างอิง : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์,โพสต์ทูเดย์