ห้องเม่าปีกเหล็ก

เจาะลึก Amazon (AMZN)

โดย light
เผยแพร่ :
91 views

เจาะลึก Amazon (AMZN): จากความผันผวนปี 2025 สู่โอกาสการเติบโตระลอกใหม่ในยุค AI

..ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา Amazon ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งด้วยผลตอบแทนทบต้น (CAGR) ที่ระดับ 22.01% ต่อปี ซึ่งชนะดัชนี S&P 500 อย่างขาดลอย อย่างไรก็ตาม เรื่องราวในช่วงปี 2024 ถึง 2025 เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ หลังจากที่หุ้น Amazon พุ่งขึ้นถึง 44% ในปี 2024 (ชนะตลาดที่โต 23%) นักลงทุนต่างจับตามองว่าโมเมนตัมนี้จะส่งต่อไปยังปี 2026 ได้หรือไม่

..

 

ปริศนาแห่งการลงทุนแสนล้านดอลลาร์ (The CapEx Paradox)

.ประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดในงบการเงินของ Amazon คือการเพิ่มงบลงทุน (Capital Expenditure หรือ CapEx) อย่างมหาศาล โดยในปี 2025 บริษัทมีการคาดการณ์งบลงทุนสูงถึง 125,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งตัวเลขระดับนี้มักจะทำให้นักลงทุนกังวลเรื่องกระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow) ที่อาจลดลงชั่วคราว แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เมื่อ Amazon ประกาศแผนนี้ หุ้นกลับตอบรับในเชิงบวก ต่างจากกรณีของ Meta ที่หุ้นร่วงลงเมื่อประกาศแผนการใช้จ่ายที่คล้ายกัน

.สาเหตุที่ตลาดให้ค่า Amazon สูงกว่าในเรื่องนี้ คือกลยุทธ์ที่เรียกว่า "Double Monetization" หรือการทำเงินสองต่อจากโครงสร้างพื้นฐานเดียว:

.

• ต่อที่ 1 (External): Amazon สร้าง Data Center และชิป AI เพื่อขายพลังการประมวลผลให้กับลูกค้าองค์กรผ่าน Amazon Web Services (AWS) ซึ่งสร้างรายได้กลับมาทันที

.

• ต่อที่ 2 (Internal): Amazon ใช้โครงสร้างพื้นฐานเดียวกันนี้ในการเพิ่มประสิทธิภาพภายใน ทั้งระบบ Logistics และการยิงโฆษณา (Advertising) ให้แม่นยำขึ้น ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มกำไรในธุรกิจค้าปลีก

3 เครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนปี 2026

..

แม้ธุรกิจค้าปลีกจะเป็นภาพจำหลัก แต่กำไรที่แท้จริงของ Amazon ในปี 2026 จะถูกขับเคลื่อนด้วยสามประสานที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ดังนี้:

.

1.AWS และการฟื้นตัวด้วย AI: หลังจากเผชิญคำถามเรื่องการแข่งขัน AWS กลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง โดยรายได้ในไตรมาส 3 ปี 2025 เติบโตถึง 19.1% (YoY) แตะระดับ 27,500 ล้านดอลลาร์ โดยมีปัจจัยหนุนจากการพัฒนาชิปของตัวเองอย่าง Trainium และ Inferentia เพื่อลดต้นทุนและแข่งขันกับ NVIDIA รวมถึงบริการ Bedrock ที่ช่วยให้องค์กรสร้างแอปพลิเคชัน AI ได้ง่ายขึ้น

.

2.ธุรกิจโฆษณา (Advertising) ที่เติบโตเงียบๆ แต่กำไรสูง: ธุรกิจโฆษณากลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงด้วยรายได้แตะระดับ 60,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี แซงหน้ารายได้จากค่าสมาชิก Prime ไปแล้ว การที่ Amazon มีข้อมูลพฤติกรรมการซื้อสินค้า (Shopping Intent) อยู่ในมือ ทำให้โฆษณามีประสิทธิภาพสูง และด้วยมาร์จิ้นที่สูงมาก ธุรกิจนี้จึงเป็นตัวช่วยพยุงกำไรสุทธิของบริษัทได้ดีเยี่ยม

.

3.ธุรกิจค้าปลีก (Retail) ที่เน้นประสิทธิภาพ: แม้การเติบโตของอีคอมเมิร์ซในสหรัฐฯ จะชะลอตัวลงบ้างจากการแข่งขันของ Walmart และคู่แข่งจากจีน แต่ Amazon ได้ปรับโครงสร้างการจัดส่งให้เป็นระดับภูมิภาคมากขึ้น (Regional fulfillment) ซึ่งช่วยลดต้นทุนและทำให้อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (Operating Income) ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน

..

การประเมินมูลค่าหุ้น (Valuation) : ถูกหรือแพง?

.

แม้ราคาหุ้นจะมีการปรับตัวขึ้นมา แต่เมื่อวิเคราะห์จากอัตราส่วนทางการเงิน Amazon ยังถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว:

.

• P/E Ratio: อัตราส่วนราคาต่อกำไรล่วงหน้า (Forward P/E) อยู่ที่ประมาณ 31-32 เท่า ซึ่งถือว่าสมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับศักยภาพในการเติบโตของกำไรที่คาดว่าจะแตะ 9.53 ดอลลาร์ต่อหุ้นในปี 2027

.

• EV/EBITDA: หากดูที่ Enterprise Value ต่อ EBITDA หุ้นเทรดอยู่ที่ระดับ 16.9 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของตัวเองที่ 19.8 เท่า แสดงให้เห็นว่าหุ้นมีส่วนลด (Discount) อยู่ประมาณ 15%

.

• เปรียบเทียบกับคู่แข่ง: ในแง่ Price-to-Sales (P/S) Amazon เทรดอยู่ที่ 3.55 เท่า ซึ่งถือว่า "ถูก" เมื่อเทียบกับ Microsoft (12.1 เท่า) หรือ Meta (8.65เท่า)

..

สรุปท้ายบทความ

.

Amazon ในช่วงรอยต่อปี 2025 สู่ 2026 คือการก้าวข้ามความกังวลเรื่องรายจ่ายลงทุน (CapEx) ด้วยกลยุทธ์เฉพาะตัวที่แตกต่างจากคู่แข่งในกลุ่มเทคโนโลยี แม้บริษัทจะมีแผนการลงทุนมูลค่ามหาศาลกว่า 1.25 แสนล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐาน AI ซึ่งส่งผลกดดันกระแสเงินสดอิสระในระยะสั้น แต่ตลาดกลับตอบรับในเชิงบวกเนื่องจากโมเดลธุรกิจแบบ "Double Monetization" ที่สามารถสร้างรายได้ได้สองทางจากโครงสร้างพื้นฐานชุดเดิม ได้แก่ การขายพลังการประมวลผลให้ลูกค้าภายนอกผ่าน AWS และการนำเทคโนโลยีเดียวกันมาเพิ่มประสิทธิภาพลดต้นทุนให้ธุรกิจค้าปลีกและโฆษณาภายในองค์กร, ปัจจัยนี้ทำให้การลงทุนของ Amazon ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่สร้างกระแสเงินสดได้ทันทีและมีความเสี่ยงต่ำกว่าคู่แข่งอย่าง Meta ที่โครงสร้างพื้นฐาน AI ยังเน้นการใช้งานภายในเป็นหลักโดยที่ผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินยังไม่ชัดเจนเท่า

.

ในมิติของการประเมินมูลค่า (Valuation) หุ้น Amazon ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ดึงดูดนักลงทุนเมื่อเทียบกับศักยภาพการเติบโต โดยมีอัตราส่วน EV/EBITDA อยู่ที่ประมาณ 16.9 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของตนเองและต่ำกว่าคู่แข่งรายสำคัญอย่าง Microsoft, การฟื้นตัวของ AWS ที่ได้รับแรงหนุนจาก AI ประกอบกับการเติบโตของธุรกิจโฆษณาที่มีอัตรากำไรสูง ทำให้บริษัทมีความพร้อมที่จะเปลี่ยนผ่านจากช่วง "การลงทุนหนัก" ไปสู่ช่วง "การขยายตัวของกำไร" (Margin Expansion) ในปี 2026 นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จึงมองข้ามความผันผวนระยะสั้นและยังคงคำแนะนำ "Strong Buy" โดยเชื่อมั่นว่าโครงสร้างพื้นฐานที่วางไว้จะผลักดันกำไรสุทธิให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในระยะยาว

 

 

 

ที่มาเนื้อหา..  หุ้นพอร์ทระเบิด


light