ห้องเม่าปีกเหล็ก

คลังลดคาดการณ์จีดีพีปีนี้

โดย คุณนายตื่นสาย
เผยแพร่ :
110 views

คลังลดคาดการณ์จีดีพีปีนี้เหลือ 3.6% เหตุส่งออกขยายตัวติดลบ

 

 

คลังปรับลดคาดการณ์จีดีพีปีนี้ลงจาก 3.8% เหลือ 3.6% เหตุส่งออกขยายตัวติดลบที่ 0.5% หวังท่องเที่ยวครึ่งปีหลังช่วย คาดทั้งปีอยู่ที่ 29.5 ล้านคน ขณะที่ เกาะติดนโยบายการเงินและปัญหาสถาบันการเงินในประเทศเศรษฐกิจหลักอย่างใกล้ชิด

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังแถลงผลการประมาณการเศรษฐกิจไทย(จีดีพี)ปี 2566 ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวที่ 3.6% ลดลงจากคาดการณ์ครั้งก่อนที่ขยายตัวได้ 3.8% สาเหตุสำคัญมาจากภาคการส่งออกที่คาดการณ์ว่า จะขยายตัวติดลบ 0.5% จากคาดการณ์เดิมที่จะขยายตัวได้ 0.4% อย่างไรก็ดี เราคาดหวังว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ดีขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวทุกสัญชาติที่มีจำนวนมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี บวกกับ อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงเร็วกว่าที่คาด จะส่งผลบวกต่อการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศมากขึ้น และจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้มากกว่าที่คาด

“ที่เราคาดจีดีพีลดลง สาเหตุหลักเป็นเพราะการส่งออกที่ลดลงจากเดิมที่เรามองเป็นบวก สาเหตุเพราะข้อจำกัดของเศรษฐกิจโลกที่แม้ว่าจะขยายตัวได้ดี แต่ภาคการค้าระหว่างประเทศไม่ได้ดีขึ้น ส่วนปัญหาเรื่องค่าไฟที่เพิ่มขึ้นมองว่า ไม่น่าจะกระทบต่อการบริโภคในประเทศมากนัก เพราะเรามองว่า ภาคการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น จะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและรายได้ของประชาชนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมองว่า การเลือกตั้งจะทำให้การจ้างงานและรายได้ดีขึ้น”

สำหรับการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่ 3.6%นั้น ถือเป็นการขยายตัวที่ฟื้นตัวต่อเนื่องจากปี 65 ที่ขยายตัวได้ 2.6% โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการบริโภคที่ปรับตัวดีขึ้นและภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียและกลุ่มสหภาพยุโรปที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 29.5 ล้านคน ขยายตัวที่ 164.6% ต่อปี และคาดว่ามีรายได้จากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จำนวน 1.3 ล้านล้านบาท คิดเป็น 255.9% ต่อปี ส่งผลให้รายได้จากภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง สอดคล้องกับด้านอุปสงค์ภายในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง

โดยคาดว่าการบริโภคภาคเอกชนจะขยายตัวที่ 4.1% ตามรายได้ภาคประชาชนที่ฟื้นตัวตามสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศ ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงช่วยให้การบริโภคเพิ่มขึ้น สำหรับการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าขยายตัวที่ 2.3% จากความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจภายในประเทศที่เริ่มกลับมาดีขึ้นตามทิศทางของเศรษฐกิจโดยรวม อย่างไรก็ดี ผลของอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง การดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดและปัญหาสถาบันการเงินในประเทศเศรษฐกิจหลักส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอลงในช่วงต้นปี 2566 ทำให้คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐจะหดตัวเล็กน้อยที่-0.5%

นอกจากนี้ การบริโภคภาครัฐคาดว่าหดตัวที่ -2.1% และการลงทุนภาครัฐขยายตัวที่ 2.6% ส่วนหนึ่งมาจากกระบวนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่ล่าช้ากว่าปีที่ผ่านมา ในด้านเสถียรภาพภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 2.6% ปรับเข้าสู่กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 1.0 – 3.0% เนื่องจากราคาพลังงานโลกที่ลดลง ทำให้แรงกดดันด้านอุปทานจากต้นทุนพลังงาน และราคาน้ำมันคลี่คลายลง สำหรับเสถียรภาพภายนอกประเทศ ดุลบริการมีแนวโน้มจะกลับมาเกินดุลตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2566 มีแนวโน้มที่จะกลับมาเกินดุล 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 0.8% ของจีดีพี

สำหรับปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดมีทั้งปัจจัยสนับสนุน อาทิ 1.ภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้นสะท้อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวทุกสัญชาติที่มีจำนวนมากกว่าที่คาดการณ์ 2.สถานการณ์เงินเฟ้อที่ลดลงเร็วกว่าที่คาดไว้ ส่งผลบวกต่อการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น และปัจจัยเสี่ยง อาทิ 1. ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ความผันผวนของตลาดการเงินโลกจากการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของประเทศคู่ค้าหลักและปัญหาสถาบันการเงินในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป และ 2.ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์โลกในภูมิภาคต่าง ๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นคงระหว่างประเทศและปัจจัยการผลิตต่างๆ

 

 


คุณนายตื่นสาย