ส่องพื้นฐาน 5 บิ๊ก ธุรกิจ “รับเหมา” ชื่อดัง ในตลาดหุ้นไทย
ในช่วงที่กระแสการเมืองเริ่มมีความคืบหน้ามากขึ้น ทำให้ทิศทางของตลาดทุนเริ่มตอบรับในทางที่ดีมากขึ้นและแน่นอนว่าส่งผลให้บริษัทจดทะเบียนหรือหุ้นที่อิงกับกระแสได้รับผลการตอบรับที่ดีด้วยเช่นกัน ในวันนี้ทาง Wealthy Thai จึงจะพาผู้อ่านมาส่องพื้นฐานของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่อิงกับกระแสการเมืองคืบหน้า
โดยเริ่มกันที่บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK หนึ่งในผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ ซึ่งมีตระกูลตรีวิศวเวทย์เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ผ่านบริษัท มหาศิริ สยาม จำกัด โดยในปัจจุบัน CK มีมูลค่ากิจการถึง 3.67 หมื่นล้านบาท (ณ วันที่ 7 สิงหาคม 2566) ใหญ่ที่สุดในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
ด้านพื้นฐานของธุรกิจ บทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ได้คาดการณ์รายได้ปี 2566ที่ 2.08 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 14% และกำไรสุทธิที่ 1.4 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 30% ซึ่งมีโอกาสปรับตัวขึ้นสูงกว่าที่ประเมินไว้ 15% ตามรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาก เพราะรับรู้งานเขื่อนหลวงพระบางได้ต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังงานในมือ(Backlog) อยู่อีกราว 1.4 แสนล้านบาท ทั้งนี้ จึงให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 27 บาท
ถัดมาเป็น บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ที่เป็นบริษัทของตระกูลชาญวีรกูลเป็นผู้ก่อตั้ง ซึ่งปัจจุบันได้ให้บริษัท ซี.ที. เวนเจอร์ จำกัด ที่มีนางสาวนัยน์ภัค ชาญวีรกูลและนายเศรณี ชาญวีรกูล เป็นกรรมการ เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยในปัจจุบัน STEC มีมูลค่ากิจการอยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท (ณ วันที่ 7 สิงหาคม 2566)
ส่วนพื้นฐานของธุรกิจ บทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ได้ประเมินรายได้ปี 2566 ที่ 3.13 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 3% ขณะที่กำไรจะอยู่ที่ 1 พันล้านบาท เติบโต 17% แต่ด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้นช้ากว่าคาดเดิมก็มีโอกาสที่จะเกิดดาวน์ไซด์ได้ ปัจจุบันบริษัทมี backlog ที่ราว 7.8 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ยังคงให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 16 บาท
อันดับต่อมา หากพูดบริษัทรับเหมาก่อสร้างของไทยก็ต้องมี บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ติดอันดับต้นๆอย่างแน่นอน ซึ่งมีนาย เปรมชัย กรรณสูต เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ในปัจจุบันนั้น (ณ วันที่ 7 สิงหาคม 2566) ก็มีมูลค่ากิจการอยู่ที่ 7.23 พันล้านบาท
ขณะที่บทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด ได้คาดการณ์รายได้ในปี 2566 ที่ 7.37 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 9% และจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรที่ 241 ล้านบาท เนื่องจากไม่มีการบันทึกรายการพิเศษที่เป็นลบเข้ามา ขณะที่ปัจจุบันมี Backlog สูงกว่า 2.1 แสนล้านบาท อย่างไรก็ดี ยังคงให้คำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมายที่ 1.76 บาท
ถัดไปเป็น บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ ที่มีนายประสงค์ สุวิวัฒน์ธนชัย และกลุ่มสุวิวัฒน์ธนชัยเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นมา แต่ในปัจจุบันมีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นนาง ถนอมศรี สุดโต เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ส่วนมูลค่าของกิจการนั้นอยู่ที่ 3 พันล้านบาท (ณ วันที่ 7 สิงหาคม 2566)
สำหรับพื้นฐานของธุรกิจบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) คาดการณ์รายได้ปี 2566 ที่ 1.08 หมื่นล้านบาท เติบโต 5% และกำไรที่ 90 ล้านบาท เติบโต 114% จาก Backlog ที่มีอยู่ 4.6 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ จึงให้คำแนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมายที่ 5.30 บาท
และสุดท้าย บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON ที่เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างของตระกูล แสงอารยะกุล ซึ่งมีนาย ชเนศวร์ แสงอารยะกุล เป็นทั้งผู้ถือหุ้นใหญ่และคนคุมบังเหียน โดยในปัจจุบันบริษัทมีมูลค่ากิจการอยู่ที่ 2.44 พันล้านบาท (ณ วันที่ 7 สิงหาคม 2566)
สำหรับพื้นฐานของธุรกิจในปี 2566 บทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ได้ประเมินรายได้อยู่ที่ 1.45 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 25% และกำไรสุทธิที่ 114 ล้านบาท ลดลง 5% ด้วยผลกระทบการเปิดประมูลงานรัฐและเอกชนที่ไม่แน่นอน ขณะที่ Backlog ในมืออยู่ที่ 1 พันล้านบาท ทั้งนี้ จึงให้คำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมายที่ 3.40 บาท
