ห้องเม่าปีกเหล็ก

‘คอมเซเว่น'

โดย 98 Degree
เผยแพร่ :
63 views

‘คอมเซเว่น' รุกออนไลน์ ขยายฐานลูกค้า-บริหารสต็อก

นับแต่วิกฤติโควิด-19 เริ่มส่งผลกระทบในวงกว้าง จนแต่ละประเทศต้องประกาศ “ล็อกดาวน์” ด้วยการปิดสถานที่สำคัญต่างๆ รวมทั้งห้างสรรพสินค้า กระทบต่อภาคธุรกิจโดยตรง โดยเฉพาะธุรกิจที่ต้องอาศัยห้างสรรพสินค้าเป็นช่องทางการขาย

บมจ.คอมเซเว่น(COM7) เป็นหนึ่งในธุรกิจที่โดนผลกระทบจากการปิดห้างสรรพสินค้าโดยตรง เพราะสาขาส่วนใหญ่ล้วนกระจายอยู่ตามห้างสรรพสินค้าที่ถูกปิดจากคำสั่งล็อกดาวน์ ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา สาขาส่วนใหญ่ของ COM7 ต้องปิดกิจการเกือบตลอดทั้งเดือน มีเปิดดำเนินการได้เพียง 10% หรือราวๆ 185 แห่ง จากทั้งหมด 788 แห่ง

ผลกระทบดังกล่าว ส่งต่อเนื่องไปยัง “ราคาหุ้น” ที่เคยอยู่ระดับ 28-29 บาท ปรับลดลงมาแตะระดับต่ำสุดที่ 13.20 บาท ในช่วงปลายเดือนมี.ค. อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้ ราคาหุ้น COM7 ฟื้นตัวกลับมาอีกครั้งอย่างโดดเด่น โดยขึ้นไปแตะระดับสูงสุดตลอดกาลอีกครั้งที่  29.75 บาท

สุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร COM7  บอกกับ ‘กรุงเทพธุรกิจ’ ว่า สถานการณ์ในปัจจุบันถือว่าดีขึ้นกว่าที่บริษัทประเมินเอาไว้ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะหลังจากที่สาขาแต่ละแห่งของบริษัท สามารถกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ ขณะเดียวกันกำลังซื้อของผู้บริโภคต่อสินค้าของบริษัทก็ทยอยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงคาดหวังว่าในช่วงสิ้นเดือน ก.ค. นี้ สถานการณ์น่าจะกลับมาเป็นปกติ

“สาเหตุสำคัญที่ช่วยหนุนให้ธุรกิจของบริษัทฟื้นตัวได้เร็ว เพราะสินค้าส่วนมากของเราเป็นสินค้าจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ ซึ่งผู้บริโภคจำเป็นจะต้องทำงานจากที่บ้านหรือทำงานนอกสถานที่ ทำให้เราเห็นความต้องการเข้ามาเพิ่มเติมในระยะนี้”

สำหรับแนวทางในการดำเนินธุรกิจต่อจากนี้ โดยภาพรวมยังไม่แตกต่างไปจากเดิมมากนัก จะมีเพียงการขยายช่องทางออนไลน์มากขึ้น จากปัจจุบันที่ยังมีสัดส่วนยอดขายจากออนไลน์เพียง 10% ซึ่งการขายผ่านช่องทางออนไลน์แม้จะให้อัตรากำไรไม่แตกต่างจากการขายหน้าร้าน แต่ข้อดีของการขายออนไลน์นั้นช่วยให้บริษัทสามารถบริหารจัดการสต็อกสินค้าได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

“โดยปกติแล้วบริษัทจะขายสินค้าผ่านหน้าร้านและออนไลน์ในราคาเท่ากัน แม้ช่องทางออนไลน์จะช่วยลดต้นทุนค่าเช่าสถานที่และพนักงาน แต่ก็มีต้นทุนการขนส่งเพิ่มขึ้น ทำให้มาร์จินไม่ได้แตกต่างกันนัก แต่การขายออนไลน์จะช่วยขยายฐานลูกค้าของบริษัทให้กว้างขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ที่สาขาของบริษัทยังไม่ครอบคลุม หรือกลุ่มลูกค้าที่ไม่ค่อยเดินทางมาที่สาขา ขณะเดียวกันบริษัทยังสามารถบริหารสต็อกได้ง่ายขึ้น จากการใช้คลังเก็บสินค้ากลาง และจัดส่งออกไปได้หลายพื้นที่”

หัวเรือใหญ่ของ COM7 บอกด้วยว่า จากกระแสของการทำงานจากบ้าน (Work from Home) ส่งผลให้ยอดขายสินค้าออนไลน์เติบโตขึ้น 400% โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอย่างแล็ปท็อปและแท็บเล็ต นอกจากนี้บริษัทยังมองเห็นโอกาสในเรื่องนี้ จึงได้เปิดธุรกิจใหม่เพิ่มเติมสำหรับให้เช่าโน้ตบุ๊คสำหรับลูกค้าองค์กร ซึ่งได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดี

“แม้เราจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากช่องทางอื่นๆ แต่โดยภาพรวมของแนวโน้มผลประกอบการทั้งปีนี้ ยังต้องรอติดตามยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังว่าจะเข้ามาชดเชยช่วงที่ปิดสาขาชั่วคราวก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ ซึ่งจากสถานการณ์ปัจจุบันบริษัทยังคาดหวังว่าจะเห็นการเติบโตได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า”

ทั้งนี้ ผลประกอบการของ COM7 ในช่วงปี 2559-2562 เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2559 มีรายได้รวม 1.72 หมื่นล้านบาท มีกำไรสุทธิ 406.55 ล้านบาท ปี 2560 มีรายได้ 2.25 หมื่นล้านบาท มีกำไรสุทธิ 608.77 ล้านบาท ปี 2561 มีรายได้ 2.79 หมื่นล้านบาท มีกำไรสุทธิ 891.06 ล้านบาท ปี 2562 มีรายได้ 3.34 หมื่นล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1.21 พันล้านบาท และไตรมาส 1 ปี 2563 มีรายได้ 8.19 พันล้านบาท มีกำไรสุทธิ 287.88 ล้านบาท

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


98 Degree