อดเสียวไม่ได้!! หลัง “ส่วนต่างดอกเบี้ย” ไทย-สหรัฐ ถ่างกว้าง 3%...
มากเป็น “อันดับ2” ใน “อาเซียน”-หวั่นซ้ำรอย “เวียดนาม”

.
สาระ Fund วันละนิด: ในวันนี้จะพามาส่องดู “ดอกเบี้ยนโยบาย” ของกลุ่ม “อาเซียน” ล่าสุดกันบ้าง ในท่ามกลางทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐที่ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง (แม้เชื่อว่าตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐจะผ่าน ‘จุดสูงสุด’ ไปแล้วก็ตาม
.
จากการสำรวจของทีมงาน ‘Wealthythai’ พบว่าดอกเบี้ยนโยบายของกลุ่ม “อาเซียน” เฉลี่ยอยู่ที่ 4.11% มีเงินเฟ้อเฉลี่ย 10.16% และมีการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 3.22%
.
โดยมี 4 ประเทศที่มีดอกเบี้ยต่ำกว่า “สหรัฐ” ได้แก่ มาเลเซีย, สิงคโปร์, ไทย และกัมพูชา
.
ซึ่ง “ไทย” เองมีดอกเบี้ยนโยบายต่ำเป็น “อันดับ2” ของกลุ่มอาเซียนด้วย อยู่ที่ระดับ 1.00% สำหรับดอกเบี้ยนโยบายของกลุ่ม “อาเซียน” อยู่ระดับไหนกันบ้างนั้น เราได้รวบรวมเอาไว้ให้ในตารางข้างล่างแล้ว
.
“อาเซียน” ดอกเบี้ยนโยบายเฉลี่ย 4.11%...“เมียนมาร์” ดอกเบี้ยสูงสุด 7% ในขณะที่ “กัมพูชา” ต่ำสุด 0.73%
.
“เงินเฟ้อสูง” เป็นปัญหาของทั้งโลกไม่เฉพาะในกลุ่ม “อาเซียน” เท่านั้น หนึ่งในเครื่องมือที่ใช้สยบเงินเฟ้อที่ใช้กันก็คือ “ดอกเบี้ยนโยบาย” ซึ่งก็ขึ้นกับเงื่อนไขภายในของแต่ละประเทศเองด้วย ไม่จำเป็นต้องเดินตามกันไปเหมือนกันหมดแต่ประการใด
.
ในกลุ่มอาเซียนเอง “เมียนมาร์” มีดอกเบี้ยนโยบาย “สูงสุด” 7.00% ในขณะที่ “กัมพูชา” มีดอกเบี้ย “ต่ำสุด” เพียง 0.73% เท่านั้น
.
ปัจจุบัน 4 ประเทศที่มีดอกเบี้ยนโยบายต่ำกว่า “สหรัฐ” ได้แก่ มาเลเซีย, สิงคโปร์, ไทย และกัมพูชา นั้น มีส่วนต่างจากดอกเบี้ยสหรัฐอยู่ที่ 1.25%, 1.35%, 3.00% และ 3.27% ตามลำดับ
.
ในขณะที่ตลาดคาดว่า “ธนาคารกลางสหรัฐ” (FED) จะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องจนมีโอกาสไปแตะระดับสูงสุดที่ระดับ 5.00-5.25% ในช่วงครึ่งแรกของปี23 ซึ่งจะทำให้อัตราเงินเฟ้อจะลดลงอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี23
.
“นั่นหมายความว่า...ดอกเบี้ยสหรัฐยังปรับขึ้นจากระดับปัจจุบันที่ 4.00% ได้อีก 1.00-1.25% เลยทีเดียว ซึ่งจะทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยกับไทยถ่างออกไปได้ถึง 4.00-4.25% จากระดับปัจจุบัน (กรณีดอกเบี้ยไทยอยู่ที่เดิมไม่ขึ้นตามนะ)”
.
ต้องยอมรับว่า “ดอกเบี้ยสหรัฐ” เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ตลาดการเงินโลกผันผวนในช่วงที่ผ่านมา ที่ไม่เคยเห็นก็ได้เห็น...การปรับขึ้นดอกเบี้ยของมหาอำนาจโลกอย่างสหรัฐครั้งละ 0.75% ติดๆ กัน (ในอดีตขึ้น 0.50% ก็ว่าแรงแล้ว)
.
และสิ่งที่นักลงทุนกังวลคงเป็น “ความผันผวน” จากการขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรงเพื่อสกัดเงินเฟ้อและดูแลค่าเงินของแต่ละประเทศ กรณีของ “เวียดนาม” ที่ล่าสุด “แบงก์ชาติเวียดนาม” ขยับดอกเบี้ยขึ้นจาก 4% เป็น 6% ปรับขึ้นครั้งละ 1% ถึง 2 ครั้งในช่วง 1 เดือน กดดัน “หุ้นเวียดนาม” ดิ่งเหวเลือดสาดจนยังกู่ไม่กลับในตอนนี้
.
ไม่แปลกที่นักลงทุนไทยจะอดหวั่นใจกับทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของ “ไทย” ไม่ได้เช่นเดียวกัน เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า “ส่วนต่าง” กับดอกเบี้ยสหรัฐเองก็ค่อนข้างมากเช่นเดียวกัน
.
อย่างไรก็ตามทาง “แบงก์ชาติไทย” ก็ออกมาส่งสัญญาณชัดว่าพร้อมจะใช้นโยบายดอกเบี้ยสนับสนุนการเติบโตเศรษฐกิจต่อเนื่องและพร้อมจะปรับขึ้นตามความจำเป็น เพราะคาดว่าตัวเลขเงินเฟ้อของไทยเองก็น่าจะดึงให้กลับสู่กรอบ 1-3% ได้ในปีหน้าเช่นกัน
.
“ทิศทางดอกเบี้ยไทย” เองจะเป็นยังไงนั้น เชื่อว่า นักลงทุนไทยก็คงยังจับตาดูกันใกล้ชิด มีเหตุให้กังวล...ก็ไม่แปลกอะไรที่จะกังวลไปบ้าง เพราะตอนนี้ทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐเจ้าปัญหาเองก็ยังไม่รู้ว่าจะไปยุติลงที่ใดเลย