จากการที่ตลาดหุ้นเริ่มจะอยุ่ในสภาวะกระทิงตั้งแต่ปีที่แล้วคือปี พ.ศ 2560 เป็นต้นมา และ จะยังคงดําเนินอยู่ต่อไป เหตุผลที่ผู้โพสต์มักจะนํามาอ้างอิงอยู่เสมอก็คือสาเหตุเพราะ Fed Fund Rate อยู่ในช่วงขาขึ้นรอบใหญ่ โดย Downjones ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 18,589 จุด เมือ่วันที่ 9 พฤศจิกายน ปี พ.ศ 2559 จนปรับตัวขึ้นไปทําจุดสูงสุดตลอดกาล ( All Time High ) ที่ 26,186 เมือ่วันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2561 หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 26,186 - 18,589 ) /18,589 x 100 = 40.87% ภายในระยะเวลา 1 ปี กับ 3 เดือน
ส่วนตลาดหุ้นไทยปรับตัวจาก 1,561 จุด เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ปี พ.ศ 2560 จนมาทําจุดสูงสุดตลอดกาล ( All Time High ) ที่ 1,848 จุดเมื่อวันที่ 25 มกราคม ปี พ.ศ 2561 หรือ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ( 1,848 - 1,561 ) / 1,561 x 100 = 18.39% ภายในระยะเวลา 5 เดือน
จากการที่ตลาดหุ้น Downjones เริ่มปรับฐานมาตั้งแต่วันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2561 และ ตลาดหุ้นไทยเริ่มปรับฐานมาตั้งแต่วันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2561 โดยเหตุผลหลักมาจากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับการเข้ารับตําแหน่งใหม่ประธานธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกาคนใหม่เมื่อวันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2561 และ การปรับดอกเบี้ย Fed Fund Rate ที่อาจจะเร็วเกินกว่าที่ตลาดเคยคาดหมายไว้
เหตุผลที่นํามาอธิบายข้างต้นไม่ได้ขัดแย้งกัน ผู้โพสต์คิดว่าเป็นการคล้องจองกันเสียอีก เพียงแต่เหตุผลหนึ่งพูดถึงระยะยาว แต่อีกเหตุผลหนึ่งพูดถึงระยะสั้น ครับ
หมายเหตุ : 1) ผู้โพสต์มีความเชื่อเป็นการส่วนตัวอยู่เสมอว่า การเคลื่อนตัวของ Fed Fund Rate ขาขึ้นรอบใหญ่ จะมือิทธิพลสูงสุดต่อสภาวะตลาดหุ้นขาขึ้นรอบใหญ่หรือสภาวะตลาดกระทิง ในทางกลับกันการเคลื่อนตัวของตลาดหุ้นขาลงรอบใหญ่หรือสภาวะตลาดหมี ก็จะมีอิทธิพลสูงสุดต่อสภาวะ Fed Fund Rate ขาลงรอบใหญ่ เช่นเดียวกัน ทั้งนี้จึงมีผลทําให้ผู้โพสต์สนใจแต่การลงทุนรอบใหญ่ๆโดยไม่สนใจการเก็งกําไรในระยะสั้นๆแม้แต่น้อย
2) อย่างไรก็ตาม เนื่องจากว่าตลาดหุ้นเป็นแหล่งรวมของความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย เพราะ ถ้าความคิดเห็นเหมือนกันหมด การซื้อขายในตลาดหุ้นก็จะไม่เกิดขึ้น ครับ