เป็นข่าวใหญ่ไปเรียบร้อย คดีที่ตำรวจกองปราบปรามบุกจับกุมตัว นาย จิรพิสิษฐ์หรือ “บูม” จารวิจิต ดารานักแสดง ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน โดยหลอกลวงต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในเงินสกุลดิจิตอล และ หุ้นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ วงเงินเกือบ 800 ล้านบาท
ผู้ต้องหาอยู่ในข่ายร่วมกระทำความผิดคดีนี้เบื้องต้นมีจำนวน 7 คน โดยตัวการสำคัญคือนายปริญญา จารวิจิต พี่ชายของนายจิรพิสิษฐ์ ซึ่งเผ่นหนีออกนอกประเทศไปก่อนหน้าแล้ว รวมทั้งคนดังในตลาดหุ้นที่ยังไม่ถูกออกหมายจับอีก 4 คน
นายปริญญาเป็นอดีตกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น DNA ซึ่งจดทะเบียนในตลาด mai และ เป็นหุ้นร้อน
ล่าสุด เพิ่งแผลงฤทธิ์ โดย 4 วันทำการ ราคาถูกลากขึ้นไป 100 % โดยไม่ถูกมาตรการกำกับการซื้อขายแต่อย่างใด
การต้มตุ๋นต่างชาติคดีนี้ มีความเกี่ยวพันกับ นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ อดีตผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ ในฐานะผู้ประสานงาน โดยนายประสิทธิ์ ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ขึ้นบัญชีดำ ห้ามเป็นผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ เป็นเวลา 2 ปี
ขบวนการหลอกลวง เริ่มต้นจาก นายปริญญาได้ชักชวน นายอาร์นี โอตาวา ซารี ชาวฟินแลนด์ ซึ่งร่ำรวยจากบิทคอยน์นับหมื่นล้านบาท ลงทุนในเงินสกุลดิจจิตัล “ ดราก้อน คอยน์ ” ซึ่งออกใหม่ โดยอ้างว่า เมื่อเข้าซื้อขายในตลาดรอง ราคาจะพุ่งขึ้นหลายเท่าตัว รวมทั้งลงทุนในหุ้น DNA
นายอาร์นี ตกลงยินยอมร่วมลงทุน โดยโอนบิทคอยน์ จำนวน 5,564.44 เหรียญ คิดเป็นเงินประมาณ 797 ล้านบาทมาให้
แต่ไม่มีการโอนดราก้อน คอยน์ ให้ผู้ลงทุน รวมทั้งไม่มีผลตอบแทนจากการลงทุนหุ้น DNA และแม้จะทวงถาม แต่ได้รับการบ่ายเบี่ยงมาตลอด จนนายอาร์นีเข้าแจ้งความกับกองปราบปราม ก่อนที่ศาลจะอนุมติออกหมายจับ
ดราก้อน คอยน์ เป็นเงินสกุลดิจิตอลในอันดับบ๊วย ๆ ไม่เป็นที่นิยมของนักลงทุน และมักจะใช้กันในคาสิโนที่ฮ่องกง โดยมีนักลงทุนขาใหญ่ในตลาดหุ้นหลายคนร่วมลงทุนด้วย แต่ไม่มีรายงานว่า เสียหายไปคนละเท่าไหร่
การต้มตุ๋นครั้งนี้ นายปริญญารู้ตัวล่วงหน้าว่า จะมีปัญหาตามมา จึงเตรียมแผนการเผ่นล่วงหน้า โดยเมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา ได้โยนหุ้น DNA จำนวน 8.05 % ของทุนจดทะเบียนออก ก่อนจะตกอยู่ในมือของ นายธรรมนัส พรหมเผ่า หรือผู้กองธรรมนัส ต่อมาวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ได้ยื่นใบลาออกจากกรรมการ DNA
กองปราบปรามคงทำหน้าที่ สอบสวนติดตามตัวผู้ต้องหาที่ร่วมกันฟอกเงิน ร่วมกระบวนการโกงนายอาร์นี
แต่ ก.ล.ต. มีหน้าที่ตรวจสอบว่า หุ้น DNA ที่ถูกโยงเข้าไปในคดีฟอกเงินมีพฤติกรรมใดที่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์บ้างหรือไม่
ราคาหุ้นที่เคลื่อนไหวอย่างหวือหวาในช่วงนี้มีความผิดปกติหรือไม่มีใครหรือกลุ่มบุคคลใด เข้าไปสร้างราคาหรือไม่
เพราะข่าวดีที่กระตุ้นราคาหุ้นไม่มี แต่ทำไมราคาจึงพุ่งทะยานถึง 100 % เพียงแค่ 4 วันทำการ ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่พองโตผิดปกติ
หุ้นบางตัวขยับขึ้นแรง มูลค่าการซื้อขายพองโตเพียงวันเดียวเท่านั้น ตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขาย กำหนดให้ต้องซื้อหุ้นด้วยเงินสดแล้ว
แต่ DNA ร้อนจัดถึง 4 วัน กลับหลุดรอดจากมาตรการกำกับการซื้อขาย
นอกจากนั้น ยังต้องตรวจสอบด้วยว่า มีใครทำธุรกรรมการซื้อขายหุ้นโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะมีข่าวว่า อดีตผู้บริหารบริษัทโบรกเกอร์ ที่เกี่ยวพันกับกระบวนการหลอกต้มต่างชาติ ได้จัดหาหุ้น DNA จำนวนหลายร้อยล้านหุ้น ขายให้นายอาร์นี แต่ส่งมอบหุ้นไม่ครบตามจำนวน และกำลังเป็นความกันอยู่
ก.ล.ต.เพิกเฉยกับคดีแก๊งต้มบิทคอยน์ ตุ๋นนักลงทุนต่างชาติไม่ได้แล้ว เพราะคดีนี้พัวพันกับการฟอกเงินในตลาดหุ้น มีหุ้นบริษัทจดทะเบียนถูกเชื่อมโยง มีอดีตผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ หุ้นในตลาดหลักทรัพย์เป็นตัวการใหญ่ และมีอดีตผู้บริหารบริษัทโบรกเกอร์ติดร่างแหด้วย
ภาพพจน์ตลาดหุ้นไม่ค่อยดีอยู่แล้ว มีคดีฟอกเงิน ซึ่งเกี่ยวโยงกับผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน ผู้บริหารบริษัทโบรกเกอร์ และหุ้นบริษัทจดทะเบียนฉาวโฉ่ขึ้นมา จึงเป็นการตอกย้ำว่า ตลาดหุ้นเป็นศูนย์รวมของมิจฉาชีพในคราบกลุ่มบุคคลอาชีพต่าง ๆ ที่แผงตัวเข้ามาตักตวงผลประโยชน์ ไม่เว้นแม้มิจฉาชีพในคราบสื่อมวลชน
แก๊งตุ๋นบิทคอยน์ฝรั่ง ใช้ตลาดหุ้นเป็นแหล่งฟอกเงินหรือไม่ มีใครในตลาดหุ้นร่วมกระบวนการบ้าง ก.ล.ต. มีหน้าที่ต้องหาคำตอบให้สาธารณชน
หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก คอลัมน์ " ชุมชนคนหุ้น " โดย สุนันท์ ศรีจันทรา ใน MGR Online เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ปี พ.ศ 2561
2) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com