ห้องเม่าปีกเหล็ก

“ทิ้งภาพระยะสั้น ลงทุนระยะยาว”

โดย Investnews
เผยแพร่ :
68 views

              สิ่งที่นักลงทุนระยะยาวต้องเผชิญอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็คือ “ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นรายวัน” ที่จะขยับขึ้นขยับลงอยู่ตลอดเวลา และทำให้จิตใจของเราหวั่นไหวเอาง่าย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราดูกราฟราคาหุ้นประกอบการลงทุนด้วยแล้วยิ่งทำให้ใจสั่นไหว

             ว่าที่จริงแล้ว การลงทุนระยะยาวเราควรมองภาพใหญ่เป็นหลัก การมองราคาหุ้นรายวันถือเป็นเรื่องปลีกย่อยที่เราควรมองข้ามมันไป แต่แท้จริงแล้วจะมีซักกี่คนที่ทำได้ และที่สำคัญการลงทุนระยะยาวเราต้องไม่หลอกตัวเองในตอน “ติดดอย” และไม่ยอมขายหุ้นทิ้งว่านั่นคือการลงทุนระยะยาว … มาดูกันดีกว่าว่าอะไรที่จะทำให้เราสามารถ ทิ้งภาพระยะสั้น เพื่อลงทุนระยะยาวได้บ้าง ไปติดตามกันเลยครับ

 

ประการแรก “เราต้องซื้อหุ้นในราคาที่ไม่แพงให้ได้เสียก่อน”

              สิ่งที่จะทำให้ใจเราหนักแน่นสำหรับนักลงทุนระยะยาวก็คือ เขาจะต้องซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำมาก ๆ ให้ได้เสียก่อน และการที่จะทำแบบนั้นได้เขาต้องประเมินมูลค่าหุ้นเป็น สามารถวัดมูลค่าหุ้นออกมาได้ และที่สำคัญก็คือ มูลค่าหุ้นที่วัดได้นั้นต้องเป็นมูลค่าในอนาคต ไม่ใช่มูลค่าในปัจจุบัน

             วิธีการคลาสสิกทั่ว ๆ ไปสำหรับการวัดมูลค่าหุ้นก็คือการดู “พีอี” ซึ่งขอบอกเลยครับว่ามันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย สำหรับคนที่ดูพีอี หลายครั้งจะพลาดหุ้นดีมีอนาคตเพราะไม่กล้าซื้อหุ้นที่มีพีอีสูง แต่แท้จริงแล้วหุ้นดี ๆ หลายตัวเริ่มแรกก็มีพีอีค่อนข้างสูงมาก

 

             ยกตัวอย่างเช่น หุ้น CPALL ตอนที่นักลงทุนระดับตำนานอย่าง ดร.นิเวศน์ ซื้อในราคา 3-7 บาทโดยซื้อแบบหนัก ๆ พีอีในตอนนั้นก็สูงเกินสิบเท่าตัว … หรือหุ้น SPA ในตอนที่ราคา 3-4 บาทต่อหุ้นตอนนั้นพีอีก็สูงลิ่วเกิน 50 เท่าตัว แต่ในปัจจุบันหุ้น SPA มีราคาอยู่แถว ๆ 20 บาท เป็นต้น

 

ประการที่สอง “เลิกสนใจราคาหุ้นรายวัน แต่หันไปสนใจการเติบโตของกิจการแทน”

              สิ่งที่จะทำให้ใจเรานิ่งได้นั้น ข้อแนะนำก็คือ เราควรที่จะเลิกสนใจราคาหุ้นรายวัน แต่หันไปสนใจการเติบโตของกิจการแทน … โดยเมื่อเราสนใจหุ้นเติบโตซักตัวหนึ่ง และวิเคราะห์เจาะลึกมาดีแล้วว่าหุ้นตัวนี้มีดีที่จะเติบโตยิ่งใหญ่ได้ในอนาคต นักลงทุนหุ้นโตเร็วก็จะเริ่มทยอยซื้อหุ้นอย่างมั่นใจ

 

              แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ราคาหุ้นอาจจะมีขยับขึ้น ๆ ลง ๆ ตามสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ทำให้ใจไขว้เขวเอาง่าย ๆ การเกาะติดตลาดหุ้นแบบทุกเมื่อเชื่อวันกลับส่งผลเสียหายที่ไม่น่าให้อภัย นั่นก็คือ เมื่อราคาแกว่งตัวรุนแรง ทำให้เราขายหุ้นดีออกไปก่อนเวลาอันควร และด้วยความที่เราอาจจะเคยซื้อหุ้นในราคาถูก ทำให้เราไม่อยากซื้อกลับในราคาที่แพงกว่าเดิม และนั่นคือความเสียหายร้ายแรง

 

              วิธีการที่จะป้องกันการเกิดปัญหาดังกล่าวก็คือ เลิกสนใจราคาหุ้นรายวันซะ ! การสนใจแต่ราคาหุ้นรายวัน หรือคิดจะหาเงินจากตลาดหุ้นรายวัน (day trader) ก็เหมือนเราทำงานวันต่อวันเพื่อแลกเงินเล็กน้อย สำหรับคนบางคนที่เก่งกราฟ เขาอาจทำได้ แต่ถ้าคุณไม่ใช่คนประเภทนั้น เลือกเป็นนักลงทุนระยะยาวอาจเป็นคำตอบที่ดีกว่า

 

              การที่เราเลิกสนใจราคาหุ้นรายวัน จะทำให้เราสงบใจได้ หากเราเห็นว่ากิจการของเรายังคงเติบโต ยังมีคนมาใช้บริการ หรือซื้อสินค้าในบริษัทที่เราลงทุนอยู่เรื่อย ๆ ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล “ทำใจให้สงบ และลงทุนต่อไป”

 

ประการสุดท้าย “ข่มใจระงับความโลภให้ได้”

              หลายครั้งเราอยากเร่งความสำเร็จเร็ว ๆ ทำให้เกิดพฤติกรรมซื้อ ๆ ขาย ๆ ด้วยความคิดในหัวของเราว่า ลงซื้อ ขึ้นขาย และเปลี่ยนหุ้นไปเรื่อย ๆ ในช่วงเวลาสั้น ๆ

การเปลี่ยนหุ้นไปเรื่อย ๆ เพื่อกินส่วนต่างราคาไม่ใช่เรื่องผิด และที่จริงแล้วมันดีเสียด้วยซ้ำ เพราะถ้าเราทำได้สำเร็จเงินทุนจะงอกเงยขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนฝันถึงขนาดที่ว่าจะทำกำไรได้ร้อยสองร้อยเปอร์เซ็นต์ภายในไม่กี่เดือน หรือภายในปีเดียว

 

              แต่ข้อเท็จจริงก็คือ ขนาดนักลงทุนระดับโลกอย่าง “วอเรนต์ บัฟเฟตต์” เขายังทำผลตอบแทนได้เฉลี่ยราว 20-25% ต่อปีเท่านั้นเอง หากเราทำได้หลายร้อยเปอร์เซ็นต์ภายในหลักเดือน หรือแค่หลักปี เราก็เก่งกว่าเซียนหุ้นระดับโลกท่านนี้แล้วน่ะซิ

 

               ความคิดที่จะทำกำไรอย่างรวดเร็ว นั่นก็คือ “เรากำลังโลภ” อย่างรุนแรง และหากเราให้ความโลภครอบงำการตัดสินใจ ส่วนมากแล้วจะจบไม่ค่อยสวย การข่มใจระงับความโลภจึงเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องทำใจให้นิ่งที่สุดนั่นเองครับ

 

               ดังนั้นข้อสรุปก็คือ … การลงทุนระยะยาวนั้น เราควรทิ้งภาพระยะสั้นไปให้หมด ยกเว้นว่าเราเป็นนักลงทุนระยะสั้นนั่นเป็นอีกเรื่องราว และการทำใจให้นิ่งถือเป็น “กุญแจแห่งความสำเร็จ” ที่สำคัญสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่จะสร้างผลตอบแทนอย่างที่ต้องการได้ อย่างไม่ต้องสงสัยอะไรเลยล่ะครับ


Investnews